วันนี้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า เนื่องจากยังมีการเทขายดอลลาร์จากต่างประเทศ รวมทั้งฝั่งผู้ส่งออกเอง โดยช่วงนี้ต้องจับตาการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้และพรุ่งนี้ ทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนธ.ค. ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าตัวเลขจะออกมาดี
"แนวโน้มเงินบาทวันนี้น่าจะแข็งค่า เพราะมีแรงเทขายดอลลาร์จากต่างชาติ รวมทั้งฝั่ง exporter" นักบริหารเงินระบุนักบริหารเงิน คาดว่าวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.82-32.95 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 32.8883 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(7 ม.ค.) อยู่ที่ 1.98167% และ THAI BAHT FIX 6M(7 ม.ค.) อยู่ที่ 1.87006%
- ปัจจัยสำคัญ
- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.65 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ 118.82/87 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.1825 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ 1.1866/1868 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.8960 บาท/ดอลลาร์
- "แบงก์ชาติ" แจงกรอบเงินเฟ้อทั่วไป สะท้อนค่าครองชีพได้ดีกว่า สื่อสารกับสาธารณชนง่ายกว่า ยอมรับผันผวนสูงเสี่ยงหลุดกรอบได้ ย้ำกรณีออกนอก เป้าหมายใช้วิธีสื่อสารกับสาธารณชนเป็นหลัก
- ธปท.เผยช่วงต้นปีนี้นายแบงก์จะประเมินภาพรวมแผนธุรกิจในปี 58 คาดในส่วนของสินเชื่อรวมน่าจะโตจากปีก่อน เหตุฐานต่ำ การฟื้นตัวเศรษฐกิจและโครงการรัฐหนุนการลงทุนภาครัฐตามมา เผยแบงก์ปรับกลยุทธ์หันมาสวมบทบาทผู้ให้คำแนะนำครบวงจรมากขึ้น หลังบริษัทขนาดใหญ่ออกหุ้นกู้แทนขอสินเชื่อ
- ตลท.จับมือ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ จัด SET Thai Corporate Day 2015 ภายใต้แนวคิด "Thailand : ASEAN's Gateway to GMS" ตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง พร้อมนำ บจ.ไทย 40 กว่าบริษัทพบผู้ลงทุนสถาบันในภูมิภาค 26-27 ม.ค. 58
- "หม่อมอุ๋ย" แย้มปีงบ 59 ขาดดุลเพิ่ม 3 แสนล้าน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจและลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เผยประชุมนัดแรกสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางกรอบรายได้ที่ชัดก่อนจะกำหนดกรอบรายจ่าย ลั่นไม่ควรหมกเม็ดหนี้โครงการจำนำข้าว เพราะต่างชาติจับตามอง เผยประชุมครั้งหน้า 13 ม.ค. ขณะที่กระทรวงคลังคงเป้ารายได้ปี 58 ที่ 2.325 ล้านล้าน
- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) ขณะที่รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนธ.ค.แสดงให้เห็นว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ รายงานตัวเลขการขาดดุลการค้าภาคสินค้าและบริการของสหรัฐลดลง 7.7% ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี โดยได้รับอานิสงส์จากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะคาดดุลการค้า 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย.
- รายงานของ ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 241,000 รายในเดือนธ.ค.2014 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 226,000 ราย
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ ปิดที่ 48.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 51.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงเปิดทรงตัวที่ระดับ 11,230 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,216.35 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง
- ประธานาธิบดีสหรัฐ "บารัค โอบามา" เตรียมเดินสายทำโรดโชว์ 3 วัน เพื่อประชาสัมพันธ์นโยบายเศรษฐกิจของเขาก่อนที่เขาจะเปิดเผยรายละเอียดในการกล่าวแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ในคืนวันที่ 20 ม.ค.ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ทั่วสหรัฐ โดยเขาจะชี้แจงเกี่ยวกับมาตรการใหม่ๆ และข้อเสนอนโยบายในสภานิติบัญญัติในประเด็นเกี่ยวกับภาคที่อยู่อาศัย, การผลิต และการสนับสนุนการศึกษาในระดับสูงขึ้น