ขณะเดียวกันยังได้รับปัจจัยบวกจากกรณีการอนุญาตใบ รง.4 ในปีที่ผ่านมา โดยภาครัฐได้ให้ใบอนุญาตภาคเอกชนไปแล้ว ประมาณ 3,800 โรง และมีการแจ้งเปิดดำเนินการแล้ว 1,608 โรง ในช่วง พ.ค.-มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อโรงงานเปิดดำเนินงานแล้วจะส่งผลต่อภาพบรรยากาศโดยรวม และยังมีโรงงานที่เหลืออีก 2 พันโรงเตรียมจะเปิดดำเนินการในปีนี้ โดยคาดว่าในไตรมาสแรกจะมีโรงงานเปิดราว 1,500-1,600 โรง ซึ่งหากมีโรงงานเปิดเพิ่มขึ้นก็น่าจะส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับการบริโภคในช่วงเดือนพ.ย.57 ดีขึ้น ภายหลังราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวลดลง ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะที่การลงทุนเริ่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/57 ที่ผ่านมา สะท้อนภาพที่ดี ขณะที่การส่งออกที่หลายฝ่ายกังวลนั้น โดยส่วนตัวคาดว่าปีนี้จะเติบโตได้ 2% จากที่สภาพัฒน์คาดว่าจะเติบโตได้ 4%
"แม้ว่าการส่งออกจะเติบโตไม่มาก แต่เชื่อว่าปัจจัยเรื่องการเบิกจ่าย, ราคาน้ำมันลดลง และโรงงานที่เปิดใหม่ในปีนี้จะช่วยหนุนการจับจ่ายใช้สอยให้มากขึ้น" ม.ร.ว.ปรีดิยาธ กล่าวพร้อมคาดว่า ประเทศไทยใน 5 ปีข้างหน้าจะมีการเติบโตที่ดี เพราะได้วางรากฐานของเศรษฐกิจในระยะยาว โดยการปรับตัวของตลาดไทย คือ การมองหาการลงทุนลักษณะใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้นและการผลิตสินค้าป้อนสังคมสมัยใหม่ รวมถึงการค้าขายข้ามประเทศ และการเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค และเชื่อมโยงไปยังการเปิดอุตสาหกรรมใหม่จากทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ท้ายสุดคือการก้าวสู่ "Digital Economy" นอกจากนี้ ผู้ผลิตในประเทศไทยได้ขยายฐานผลิตไปอาเซียนมากที่สุด โดยมีการสร้างฐานผลิตหลายบริษัท และเมื่อมีหลายฐานการผลิตก็จะมีสินค้าหลากหลายประเภท การที่คนไทยค้าข้ายเก่งด้วยพฤิตกรรมที่ชอบค้าขาย ก็น่าจะทำให้ประเทศไทยไปได้ไกล
"ไม่ใช่หน้าที่ของผม หรือรัฐบาลฝ่ายเดียวที่สร้างความเชื่อมั่น ผมว่าทุกคนต้องร่วมกัน และผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมทำ สามารถทำให้แข่งขันได้ และมองไปยังภาพระยะยาวยังสามารถที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ และผมคิดว่าเรื่องราคาน้ำมันลดลงส่งผลดี และผมมองว่าเราได้พยายามที่จะเปิดช่องทางที่ดีสำหรับประเทศไทยในอนาคต และผมว่าคาดประเทศไทยใน 5 ปีข้างหน้าไทยไปได้ไกล" รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอย่างไรก็ตาม ประเทศไทยจะมีการปรับโครงสร้างพลังงาน เพราะในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจมีการเติบโต ในขณะเดียวกันการใช้พลังงานก็สูงขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยต้องดำเนินการให้กลับมาสู่จุดที่สมดุล และทำให้ต้นทุนสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ นอกจากนี้ มีการสำรวจแหล่งพลังงานเพิ่มเติมและสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานประเภทใหม่ โดยเลือกพลังงานถ่านหินสะอาด เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน แม้ว่าพลังงานถ่านหินต้นทุนจะสูงและมีการประท้วงต่อต้าน แต่ก็ต้องยอมรับว่าจำเป็นที่ต้องหาพลังงานทางเลือกใหม่ เพื่อมาทดแทนความต้องการที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
นอกจากนี้ จะมีการปรับโครงสร้างภาษีที่ทางภาครัฐอยู่ระหว่างการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมและลดปัญหาเรื่องภาษีซ้ำซ้อน, การปรับปรุงการเพาะปลูกและผลิตยางพารา และการปรับปรุงการเพาะปลูกและการผลิตข้าว ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารก็จะพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีแพ็คเก็จที่สามารถนำมาอุ่นและพร้อมรับประทานได้ทันที
พร้อมกันนี้ ยังมีความคาดหวังที่จะให้ไทยผลิตสิ่งที่ประเทศในอาเซียนไม่สามารถผลิตได้ ซึ่งจากเดิมไทยผลิตรถยนต์อีโคคาร์ก็จะปรับมาเป็นรถยนต์ Hybrid แทน ซึ่งต้องการให้การผลิตในไทยมีความแตกต่างไปจากประเทศในอาเซียน