(เพิ่มเติม) นายกฯ เตรียมนำประเด็นสัมปทานรอบที่ 21 ถกครม.พรุ่งนี้, คาดตั้งคกก.ร่วมใน 25 ก.พ.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 23, 2015 13:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีจะนำประเด็นเรื่องการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 เข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในวันพรุ่งนี้( 24 ก.พ.) เพื่อขอความเห็นว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป หลังจากรัฐบาลได้เปิดเวทีรับฟังความเห็นจากกลุ่มที่เห็นต่างไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
"รอให้ท่านนายกฯ นำเข้า ครม.พรุ่งนี้ เห็นว่าจะปรึกษาใน ครม.ว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งควรมีคำตอบและทิศทางว่าจะเดินอย่างไรต่อ" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คาดตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณาหาทางออกกรณีเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ไม่เกินวันที่ 25 ก.พ.นี้ พร้อมยืนยันรัฐบาลพยายามดำเนินการให้ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ของชาติ

"นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไปดำเนินการทำหนังสือเชิญยังผู้เกี่ยวข้องและอำนวยการจัดการประชุม ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะมี 10-15 คน ประกอบด้วย กระทรวงพลังงาน กลุ่มเห็นต่าง นักกฎหมายและนักวิชาการ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน โดยคาดว่าไม่เกินวันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์จะมีความชัดเจน" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับตำแหน่งประธานคณะกรรมการ คณะทำงานจะมีการพิจารณากันเอง และหวังว่าจะมีข้อสรุปที่เหมาะสมเพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรีประกอบการตัดสินใจก่อนวันที่ 16 มี.ค.58 พร้อมย้ำว่ารัฐบาลมุ่งถึงผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นหลักถึงแม้อำนาจในการตัดสินใจเปิดสำรวจสัมปทานจะเป็นของรัฐบาล แต่ก็ยังเปิดกว้างในการรับฟังความเห็นของประชาชน ขณะเดียวกันรัฐบาลยังต้องคำนึงถึงความมั่นคงของพลังงาน รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนและงบประมาณในการสำรวจ

ทั้งนี้หากจะมีการเคลื่อนไหวหรือคัดค้านอีกครั้ง พล.ต.สรรเสริญ ระบุว่า รัฐบาลและ คสช.คงยอมไม่ได้ โดยขอให้กลุ่มที่เคลื่อนไหวรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างและยอมรับอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งรัฐบาลมีความพยายามในจัดการปัญหาอย่างดีที่สุด โดยใช้ทั้งเหตุและผลในการทำความเข้าใจกับคนทุกกลุ่มเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในอนาคต

ส่วนกรณีที่เกิดเหตุอาชญากรรมบ่อยครั้งในช่วงประกาศกฎอัยการศึกนั้น พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหาเหล่านี้ แต่การใช้กฎอัยการศึกเป็นคนละกรณีกับการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด เพราะเรื่องนี้เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้ดูแล ทั้งนี้รัฐบาลได้สั่งการไปยังหน่วยงานเข้าไปดูแลทรัพย์สินประชาชน ซึ่งประชาชนต้องให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการชี้เบาะแสเพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ