รมว.คลัง ยอมรับว่า งบลงทุนการใช้จ่ายของภาครัฐยังล่าช้า ตั้งแต่รายละเอียดโครงการที่จะเปิดประมูล การประกวดราคา พิจารณาและอนุมัติจัดซื้อจัดจ้างจนถึงขั้นเซ็นสัญญา แล้วก็เบิกจ่าย ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้มีสูตรที่ควรจะทำได้อยู่คือ 42 วัน แต่ ณ วันนี้ ใช้เวลาทำถึงร่วม 102 วัน
"การเบิกจ่ายล่าช้ามากเพราะหลายสาเหตุ เรื่องกลัวถูกตรวจสอบ เรื่องผลประโยชน์ ผมก็อึดอัดมาก แต่ไม่ได้เสียงดังเหมือนท่านนายกฯ ซึ่งท่านนายกฯก็เข้าใจปัญหา และในสภาพนี้ไม่ว่าจะเปลี่ยนใครมาทำก็ต้องเจอปัญหาแบบนี้เหมือนกัน....ผมว่าสมัยนี้รัฐมนตรีแต่ละท่านทำงานต้องลงไปในรายละเอียดมาก"รมว.คลังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสมหมาย ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่าข้าราชการทำงานแบบเกียร์ว่างหรือไม่ หรือ ทำงานแบบ Play Safe หรือทหารสร้างกลไกเข้าไปตรวจสอบควบคุมทุกฝีก้าวทำให้ทำงานไม่ได้เต็มที่ กล่าวเพียงว่า คนที่กลัวก็ทำอะไรไม่ออก คนที่ไม่กลัวก็เสียเวลาคิดกลไก กลยุทธ์ให้แนบเนียน
นอกจากนี้ รมว.คลัง กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับครม. โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน หลังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ว่า ข้อเท็จจริงคือปี 58 เศรษฐกิจโลกหนักกว่าปีที่แล้ว จีนก็ร่อแร่ อัตราเติบโตทางเศรษฐกิที่เคยคิดว่าจะโตเกิน 7% ก็คาดว่าไม่เกิน 7% สินค้าหลักที่เรียกว่ายุทธปัจจัย ข้าว ยางพารา ผลิตได้น้อย ขายได้น้อย ต่างคนต่างก็แข่งกันขาย ของก็ถูก ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย เมื่อหันมามองประเทศไทยว่าเศรษฐกิจภายในมีอะไรบ้าง มีการลงทุนของภาครัฐ ภาษีที่เก็บได้ 18% ของรายได้ประเทศ รายจ่ายมี 20-21% แต่เฟืองตัวใหญ่เราอยู่ที่การส่งออก เมื่อเป็นแบบนี้ก็หนีไม่พ้นที่จะกระทบการส่งออก ถ้าการส่งออกดีขึ้น ประเทศเติบโต 10-12% ก็จะคึกคักแต่มันเป็นไปไม่ได้
"ไม่แน่ด้วยว่าส่งออกปี 58 โต 3-4% จะได้หรือเปล่า เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ไม่ฟื้นคนก็บ่น ผมก็เห็นใจคนบ่นแต่คนที่มองมีทั้งสายตาสั้นสายตายาว แต่ผมมีหน้าที่ชี้แจง แต่แถบเอเชียอย่างน้อยก็ดีกว่าหลายแห่ง ดีกว่ายุโรป จีดีพียังติดลบกันอยู่เลย"นายสมหมายกล่าวผ่านรายการโทรทัศน์