สำหรับยุทธศาสตร์ 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.การกำกับดูแล/บังคับใช้กฏหมายอย่างเท่าเทียม ติดตามการต่อใบอนุญาตโรงงานที่ขาดการจัดการกากอุตสาหกรรม รวมทั้งพัฒนาระบบติดตามการขนส่งกากอันตรายให้สมบูรณ์ 2.ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เข้มงวดกับผู้ฝ่าฝืน/อำนวยความสะดวกกับผู้ปฏิบัติตาม 3. การสร้างความร่วมมือ/แรงจูงใจให้กับผู้ประกอบการนำกากอุตสาหกรรมเข้าระบบ และ 4. การสนับสนุนเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งที่เป็นเครือข่ายในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่รองรับกากอุตสาหกรรม 6 แห่ง สำหรับ 20-30 ปีข้างหน้า และแผนการจัดการแผงโซลาร์เซลส์ที่จะหมดอายุใน 20 ปีข้างหน้า อีกเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 2 แสนตัน
ส่วนความคืบหน้าโครงการพัฒนาเตาเผาขยะร่วม(ขยะชุมชนกับกากอุตสาหกรรม) ขนาด 500 ตัน/วัน (ระยะเวลา 5 ปี) และโครงการพัฒนาแผรจัดตั้งนิคมบริหารกากอุตสาหกรรม (ระยะเวลา 1 ปี) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น โดยองค์กร NEDO (New Energy and Industrial Technology Development Organization) ได้แจ้งยืนยันแล้วว่าจะให้การสนับสนุน
โดยล่าสุด ณ สิ้นปี 2557 มีโรงงานที่ได้ลงทะเบียนในระบบจัดการกากอุตสาหกรรมแล้ว 17,384 โรงงาน คิดเป็น 25% ของจำนวนโรงงานจำพวก 3 ที่ต้องกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมซึ่งแจ้งประกอบกิจการทั่วประเทศประมาณ 68,000 โรงงาน แต่มีโรงงานที่มีการส่งขยะอุตสาหกรรมออกไปกำจัด/รีไซเคิลแล้วจริงๆ เพียง 7% หรือ 5,300 โรงงาน จาก 68,000 โรงงาน