พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่า สาเหตุที่ตนเองสั่งการให้ชะลอการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจากภาษีดังกล่าวเป็นภาษีเพื่ออนาคต แต่ขณะนี้ประชาชนยังได้รับความเดือดร้อนจึงต้องชะลอออกไปสักระยะ ระหว่างนี้ก็ทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับโครงสร้างภาษีว่ามาจากไหน ที่ใดบ้าง และนำไปใช้อย่างไร ซึ่งไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รายได้รัฐมาจากหลายทาง ส่วนหนึ่งคือภาษีที่เก็บได้ร้อยละ 10 ขณะที่ประเทศมีรายได้จากการจัดภาษีในหลายส่วน ส่วนหนึ่งคือภาษีส่วนกลางที่ใช้งบประมาณทั้งหมด และภาษีท้องที่ โดยอัตราการจัดเก็บในปัจจุบันใช้แบบเดิมมานาน ซึ่งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นจัดเก็บและดูแล ทั้งนี้จะมีพิจารณาปรับให้มีความเหมาะสมกับประเทศไทย
"ถ้าไม่มีภาษีจุดนี้รัฐต้องจ่ายงบประมาณปีละ 2.6 แสนล้านบาทให้กับท้องถิ่น ซึ่งปัจจุบันท้องถิ่นจัดเก็บภาษีได้เพียงร้อยละ 15 หรือประมาณกว่า 7 หมื่นล้านบาท หากจัดเก็บภาษีท้องถิ่นน้อยลงไปเรื่อยๆ จะทำให้งบประมาณท้องถิ่นขาดไป และรัฐจะต้องสนับสนุนงบส่วนกลางเข้าไปแทน ทำให้รายได้ส่วนกลางลดลง และกระทบต่อเม็ดเงินที่ะนำไปลงทุนของภาครัฐ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะแล้วเสร็จเมื่อไร แต่จะมีการทบทวนปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบไปเรื่อยๆ และจะมีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนว่าตอนนี้มีภาษีใดบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ภาษีนิติบุคคล สรรพสามิต ซึ่งส่วนตัวมองว่าอัตราภาษีของประเทศไทยที่จัดเก็บอยู่ในขณะนี้อยู่ในระดับต่ำสุดแล้ว