"อานันท์"แนะส่งเสริม SME ทำธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล ไม่เน้นแค่หากำไร

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 25, 2015 18:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอานันท์ ปันยาชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา"ธุรกิจโลกใหม่กำไรบนความยั่งยืนร่วมกันคือกำไรสูงสุด"ว่า องค์กรต่างๆควรมีส่วนร่วมในการผลักดันบริษัทเล็กๆ และภาคธุรกิจเอสเอ็มอีให้มีการจัดกิจกรรมที่สามารถส่งเสริมให้บริษัทมีการทำธุรกิจแบบมีธรรมาภิบาล ไม่ใช่เพียงแต่แสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว เพราะไม่สามารถพึ่งพารัฐบาลให้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างเบ็ดเสร็จทุกอย่างไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้มีขีดความสามารถเพียงพอ ซึ่งประชาชนก็ไม่ควรที่จะนิ่งเฉยแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล เพราะเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนรวมถึงภาคเอกชนที่ควรมีส่วนร่วมในการช่วยเหล์อเกื้อกูลทำให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่สังคม

สำหรับระบอบประชาธิปไตยนั้นควรมีกรอบธรรมาภิบาลในการปฏิบัติ เพราะเป็นการจะนำไปสู่เป้าหมายของประชาธิปไตยซึ่งอาจมีวิธีการที่แตกต่างกัน แต่บรรทัดฐานของประชาธิปไตยที่เท่าเทียมกันนั้นจะใช้ระยะเวลาที่ต้องขึ้นอยู่กับพื้นฐานความรู้ของประชาชน ทั้งนี้มองว่าการเลือกตั้งไม่ได้เป็นประชาธิปไตยในตัวของมันเอง แต่เป็นได้ด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน

"รัฐธรรมนูญเป็นเพียงตัวหนังสือต่อให้เขียนดีเท่าไรก็กินไม่ได้ แต่ต่อให้กินได้ก็ไม่อาจพอเพียงกับประชากรทั้งประเทศ การไปสู่เป้าหมายของการมีระบบธรรมาภิบาลภายในกรอบของระบอบประชาธิปไตย ต้องคำนึงถึงระบบของประชนเป็นใหญ่ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ต้องสามารถเปิดเผยข้อมูลได้ทันท่วงที เข้าถึงข้อมูลทันเหตุการณ์ ต้องมีระบบยุติธรรมที่โปร่งใสและมีอิสระ รวมถึงสถาบันสื่อเองก็ต้องเป็นอิสระ ไม่หวังผลกำไรการค้า เปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายออกความเห็น ไม่รับใช้ผลประโยชน์ทางธุรกิจ"นายอานันท์ กล่าว

นอกจากนี้ยังมองว่าทุกสังคมมีข้อบกพร่องเกือบทั้งหมด อยากให้เปิดใจกว้างและช่วยกันลดความเหลื่อมล้ำทั้งด้านรายได้และสิทธิ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ สิ่งสำคัญคือเสียงข้างมากที่มีควรอยู่ในบริบทของส่วนรวม และคนไทยต้องมีความอดทนมากกว่าที่เป็นอยู่ รวมถึงประเทศไทยต้องมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เพื่อทำให้สังคมและประเทศชาติมีความเข้มแข็ง และก้าวไปข้างหน้าต่อไปได้

ด้านนายบัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู่อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย กล่าวว่า การดำเนินงานของธุรก้จในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลง โดยเริ่มมองผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และนำไปสู่ความยั่งยืน การดำเนินธุรกิจจะต้องมีความยั่งยืนในระยะยาว และเป็นการสร้างคุณค่าที่เพิ่มขึ้นให้กับบริษัท

ทั้งนี้ จะเห็นได้จากมีระบบเทคโนโลยีต่างๆเข้ามา ช่วยให้การดำเนินธุรกิจมีครามสะดวกมากขึ้น การค้าขายก็สามารถทำการค้าขายผ่านทางระบบออนไลน์ แต่ต้องมีความเชื่อใจกัน ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นและทำให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างยั่งยืน อีกทั้งส่งคมในปัจจุบัยเป็นสังคมวัยหนุ่มสาวมากขึ้น ทัศนคติจะเป็นความต้องการแสวงหาคุณภาพใหม่ๆต่อสังคม

อย่างไรก็ตาม การมองภาพระยะยาวของธุรกิจ ในแง่ของผู้บริโภคนั้นการซื้อสินค้าจะมองว่าสามารถใช้งานระยะยาวได้ ส่วนในด้านผู้ผลิตมองการแข่งขันระยะยาว การขับเคลื่อนธุรกิจใหมไปข้างหน้า การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม การมีธรรมมาภิบาล ทั้งนี้ความสำเร็จของความยั่งยืนจะต้องมาจากหุ้นส่วนในธุรกิจต้องมีทิศทางตรงที่ต้องการให้บริษัทสร้างประโยชน์สังคม โดยจะเห็นสินค้าบางอย่างมีการรีแบรนด์ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนขึ้น ทำให้ภาพของแบรนด์เป็นระยะยาวมากขึ้น อกีทั้งยังต้องมีการปฏิบัติที่สนับสนุน และพนักงานในองค์กรจะต้องมีส่วนร่วมและมีวัฒนธรรมองค์กรเดียวกัน

นายวิเชียร พงศธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ กล่าวว่า โลกธุรกิจทุกวันนี้มีแนวโน้มในการให้คุณค่ากับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะทำให้สามารถประสบความสำเร็จทางธุรกิจที่ดี ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจพลังงานสะอาด อาหารปลอดสารพิษ สินค้าแฟร์เทรด ขณะที่ปัญหาสังคมโดยรวมที่เกิดจากการขาดความตระหนักถึงความรับผิดชอบของภาคธุรกิจได้กลายเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจ ดังนั้นกำไรที่ได้มาย่อมส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนของส่งคมโดยรวม จึงเป็นกำไรที่ไม่ยั่งยืน

"ผมเชื่อว่ากำไรที่เป็นประโยชน์ร่วมกันและมาจากความยั่งยืนของสังคมโดยรวมคือกำไรสูงสุด อยากให้ทุกคนร่วมมือกันเพื่ออุ้มชูสังคม ทำให้สังคมเป็นสังคมที่ดีและเข้มแข็ง ซึ่งจะกลายมูลค่าเพิ่มที่สำคัญของธุรกิจด้วย และนี่คือกำไรที่นั่งยืน"นายวิเชียร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ