นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าอาจจำเป็นต้องมีการจ้างบุคลากรจากต่างประเทศที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยงาน เนื่องจากบุคลากรของไทยเท่าที่ตรวจสอบอาจจะยังไม่ผ่านหลักเกณที่ ICAO กำหนดไว้
สาเหตุที่ต้องใช้อำนาจมาตรา 44 เพราะหากใช้อำนาจตามระบบปกตินั้นอาจะต้องใช้เวลานาน เพราะต้องผ่านขั้นตอนการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) หลายขั้นตอน แต่ยืนยันว่าการใช้อำนาจตามมาตรา 44 จะใช้อำนาจอย่างสร้างสรรค์ และใช้เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้
"เราไม่ได้ฝืนโลกฝืนสากล เราผิดตรงที่เราไม่ได้ทำ เราต้องยอมรับนะ ต้องยอมรับ ต้องช่วยกันแก้ไขต่อไป ผลเสียคือคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นน้อยลง คนอื่นมาเที่ยวไทยน้อยลงช่วงสงกรานต์ ...ประชุมบ่ายนี้แล้วถ้าเห็นชอบพรุ่งนี้ก็ไปทำมา แต่ปฏิบัติได้ เขาจะเชื่อมั่นได้แค่ไหนเพราะจ้างคน จ้างฝรั่งเข้ามาต้องอบรมความรู้คน มันแพงหรือไม่ ถ้าไม่จ้างก็ต้องรอเอาคนไทยไปเรียนจบหลักสูตรเหล่านี้มา แต่ต้องแก้ให้เร็ว ผมกำลังสั่ง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีเที่ยวบินเพิ่มจำนวนมากขึ้นจาก 3 แสนเที่ยวต่อปี เป็น 6 แสนเที่ยวบินต่อปี แต่การบริหารงานที่ผ่านมาไม่มีการแก้ไขและมีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลด้านนี้เพียง 12 คนเท่านั้น ทั้งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานให้รับทราบตลอด แต่ได้รับการเพิกเฉยและไม่ได้รับการแก้ปัญหาจากฝ่ายการเมือง จนมาถึงวันนี้ซึ่งเมื่อรัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหา อยากขอความเป็นธรรมให้กับตนเองและอธิบดีกรมการบินพลเรือนในการทำงาน เนื่องจากต้องมีการปรับโครงสร้างและกฎหมาย แต่เชื่อมั่นว่าปัญหาจะคลี่คลายได้
นายกรัฐมนตรี ยอมรับกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เพราะไม่ได้เป็นแรงต้านหนึ่งที่เข้าไปช่วยแก้ปัญหาได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นวันนี้จึงต้องเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจังและรวดเร็ว ทั้งการพูดคุยของกระทรวงต่างประเทศ แต่ในขณะเดียวกันประเทศไทยต้องมีศักดิ์ศรีไม่ใช่ขอร้องเพียงฝ่ายเดียว
ส่วนผลกระทบด้านการท่องเที่ยวจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังไทยและไปญี่ปุ่นลดลงในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวไทยที่ซื้อตั๋วเครื่องบินแบบเหมาลำ หรือชาเตอร์ไฟล์ทก็ต้องรับการเยียวยา ส่วนจะเยียวยาอย่างไร คณะกรรมการจะไปดูแลและหันมาเที่ยวในประเทศไทยแทน โดยที่ทุกฝ่ายทั้งผู้ประกอบการ นักการเมือง ต้องรับผิดชอบแก้ปัญหาร่วมกัน
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่าระหว่างที่เดินทางเข้าร่วมพิธีเคารพศพนาย ลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์นั้น ได้ใช้โอกาสนี้ พูดคุยกับผู้นำประเทศเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ถึงแนวทางการแก้ปัญหาการบิน ซึ่งผู้นำทั้ง2 ประเทศ รับไปพิจารณา แต่ทั้ง 2 ประเทศ ต้องปฎิบัติตามกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งไทยก็ต้องตระหนักว่าหากเกิดอุบัติเหตุไทยต้องมีส่วนรับผิดชอบ