"ไตรมาสแรกของปี 58(ม.ค.-มี.ค.) มียอดการค้ำประกันทะลุเป้าหมาย โดยปิดยอดค้ำประกัน 23,000 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งทุนกว่า 10,000 ราย ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงผลสำเร็จของการส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุน และจากการดำเนินโครงการฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน ทำให้โครงการได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ SMEs โดยยังได้รับข้อเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนโครงการฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันต่อไป" นายวัลลภ เตชะไพบูลย์ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย.กล่าว
ขณะที่ผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือน(1 ต.ค.57-31 มี.ค.58) มีโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อ SMEs ทุกประเภท โดยสามารถช่วย SMEs เข้าถึงแหล่งทุนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 17,713 ราย และมียอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อวงเงิน 40,886 ล้านบาท ก่อให้เกิดสินเชื่อใหม่ 57,382 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.4 เท่าของวงเงินอนุมัติค้ำประกัน และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 66,377 ราย
สำหรับแผนต่อเนื่องตลอดปีนี้นอกจากดำเนินตามโครงการรัฐบาลแล้ว บสย.ยังเดินหน้าการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารรัฐ ภายใต้โครงการความร่วมมือแบบรายสถาบัน ประกอบด้วย
1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ 6 เมนู ร่วมกับ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (โครงการสินเชื่อ 9 เมนู) ประกอบด้วย สินเชื่อSTRONG SMEs วงเงิน 3,000 ล้านบาท สินเชื่อ EXTRA SMEs วงเงิน 4,000 ล้านบาท สินเชื่อ HAPPY LOAN วงเงิน 2,000 ล้านบาท สินเชื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต วงเงิน 3,000 ล้านบาท และ สินเชื่อ OTOP หรือผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชน วงเงิน 2,000 ล้านบาท
2.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Speedy Loan ระหว่าง บสย.กับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย รายเล็ก วงเงิน 5,000 ล้านบาท
3.โครงการความร่วมมือระหว่าง บสย.และธนาคารออมสิน ในชื่อ โครงการ"สินเชื่อประชาชนสุขใจ" วงเงินค้ำประกัน 5,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย
4.โครงการความร่วมมือระหว่าง บสย. และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ส่งเสริมกลุ่มนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีต่อยอดธุรกิจ
5.โครงการความร่วมมือระหว่าง บสย.และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด(มหาชน) (รายสถาบัน) วงเงิน 2,000 ล้านบาท รองรับการขยายฐานลูกค้า SMEs ขนาดกลางของธนาคาร