นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย(THAI) เปิดเผยว่า ส่วนความคืบหน้าแผนปฎิรูปการปรับปรุงฝูงบิน ได้มีการปลดระวางเครื่องบืนและทำให้เครื่องบินลดลงจาก 11 แบบเหลือ 8 แบบ และการขายเครื่องบินในเวลา 3 เดือน ของปี 2558 ขายได้แล้ว 10 ลำ ซึ่งดำเนินการได้เข้มข้นมากกว่าปีที่แล้วที่ทั้งปีขายได้รวม 10 ลำ ส่วนการปรับปรุงการปฎิบัติงานและลดต้นทุน และด้านบุคลากร เช่น โครงการร่วมใจจากองค์กร(Mutual Separation Plan: MSP) หรือ เออร์ลี่รีไทร์ออกมา 3 สัปดาห์แล้ว และการปรับปรุงเครือข่ายเส้นทาง ซึ่งได้มีการออกตารางบินฤดูร้อนตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.58 ซึ่งเป็นไปตามแผนที่จะปรับลดกำลังการผลิตลงประมาณ 9.7%
ส่วนการขายนั้น ฝ่ายการพาณิชย์ได้มีการขายอย่างเข้มข้นและได้มีการบริหารการขายแบบไดนามิค ทำให้อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารต่อเที่ยวบิน (Cabin Factor) เพิ่มขึ้น โดยปีที่แล้วอยู่ที่ 68.9% หรือมีที่ว่าง 30% โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาของปี 2558 Cabin Factor ขึ้นมาอยู่ที่ 76% โดยในเดือนเม.ย. Cabin Factor เฉลี่ยอยู่ที่กว่า 77 % ถือว่าเป็นทิศทางที่ดี
"ในปีนี้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่สนามบินสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 18% ซึ่งเป็นฐานการบินของบริษัทฯที่มีส่วนแบ่งที่ 24.6% เป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันโดยบอร์ดมีการตัดสินใจที่รวดเร็วทันเวลา ส่วนฝ่ายบริหารและพนักงานสามารถดำเนินการได้ตามแผน นับจากแผนปฎิรูปได้รับอนุมัติจากซุปเปอร์บอร์ด(คนร.) เมื่อเดือนม.ค.58" นายจรัมพร กล่าว
สำหรับมาตรการด้านความปลอดภัยนั้น บริษัทฯ ให้ความสำคัญสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO) ซึ่งบริษัทฯ ลงทุนสูงเพื่อทำวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยตั้งเป้าหมายเพื่อขึ้นสู่มาตรฐานสูงสุดในเอเชียแปซิฟิก โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา ใน 4กระบวนการ เริ่มจาก การตรวจสอบระดับลานจอด(Ramp Inspection) โดยหลังจาก ICAO ประกาศ ตั้งแต่ในเดือนก.พ. ได้รับการตรวจสอบจาก บพ. 4 แห่งทั่วโลก เดือนมี.ค.เป็น 15 แห่ง และเดือนเม.ย.ครึ่งเดือน 14 แห่ง เพิ่มขึ้น 4 เท่า ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมการทุก Ramp Inspection หากไม่ผ่านจะปรับปรุงได้ทันตามเวลา ส่วนอีก 3 ขั้นตอนบริษัทฯได้เตรียมการไว้แล้ว และมั่นใจว่าในเดือนมิ.ย.ทุกอย่างจะเรียบร้อยและอยู่ในระดับ top class ในทุกเรื่อง ขณะที่ลูกเรือมีการอบรมกันเองอย่างเข้มข้น ทำให้มั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยได้อย่างแน่นอน
"กรณี ICAO นั้น การบินไทยมีความปลอดภัยและได้รับการตรวจสอบจากบพ.ทั่วโลกอยู่แล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลง หลังจากนี้กรมการบินพลเรือน(บพ.)ต้องแก้ไข ซึ่งจะมีการส่งแผนปรับปรุงแก้ไขฉบับใหม่ให้ ICAO ในวันที่ 27 เม.ย. หาก ICAO ยอมรับแผนใหม่จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่ทัน การบินไทยต้องเตรียมพร้อม กรณีที่จะต้องได้รับการตรวจสอบจากทุกบพ.ทั่วโลกที่ทำการบินเข้าไปแบบเข้มข้น หรือ เบท ออดิด ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการภายใน และอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์จะจ้าง Third Party เป็นผู้ตรวจสอบ โดยมาจากกลุ่มสตาร์อัลไลแอนซ์มาตรวจเพื่อรับรองมาตรฐาน หลังจากนั้นจะถือว่าการบินไทยได้มาตรฐานสูงสุดแล้ว และยืนยันความเชื่อมั่นเรื่องมาตรฐานของการบินไทยกับทุกบพ.ทั่วโลก ซึ่งจะไม่มีเหตุผลที่จะลดเกรดการบินไทยได้" นายจรัมพร กล่าว
ส่วนความคืบหน้าจากที่บริษัทได้ออกหุ้นกู้วงเงิน 5,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 เม.ย.58 นั้น ได้รับความไว้วางใจจากผู้ลงทุนและสถาบันการเงินสูงกว่าวงเงิน 2.5 เท่า หรือประมาณ 12,000 ล้านบาท ทำให้ได้รับวงเงินกู้เข้ามาถึง 7,000 ล้านบาทภายในปลายเดือนเม.ย.นี้ เป็นไปตามแผน แสดงให้เห็นว่าการที่นักลงทุนและสถาบันการเงินให้ความสนใจเป็นจำนวนมากนี้เท่ากับยังคงไว้วางใจสถานะการเงินของบริษัทฯ
ด้านเรืออากาศเอกมนตรี จำเรียง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาอย่างยั่งยืน บมจ.การบินไทย กล่าวว่า ICAO ตรวจสอบบพ. โดยถาม-ตอบจากแบบคำถาม PQs (Protocal Question) จำนวนกว่า 900 ข้อ มีไม่ผ่านจำนวน 560 ข้อ ซึ่งมีหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) 33 ข้อ ซึ่งหลักต้องแก้ไขก่อน จากนั้นแก้ที่ 560 ข้อ สุดท้ายแก้ที่สาเหตุ คือ ระบบงาน, โครงสร้างบพ., อัตรากำลัง และผู้กำกับดูแลต้องมีความชัดเจนในการแก้ไข ซึ่งในส่วนการบินไทยมีแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อดำรงธุรกิจไว้รองรับแล้ว