กระทรวงพลังงานต้องการส่งสัญญาณไปยังระดับนานาชาติ ผ่านเวทีการจัดงาน Renewable Energy Asia 2015 เพื่อจะอธิบายความสำคัญ และรายละเอียดต่างๆ ของ กรอบแผนพลังงานในภาพรวม หรือ Thailand Integrated Energy Blueprint (TIEB) ซึ่งถือเป็นแผนบูรณาการพลังงานแห่งชาติที่กระทรวงพลังงานได้จัดทำขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศ โดยได้รวบรวมแผนพลังงานของประเทศทั้งหมดเข้าไว้ในแผนเดียว ได้แก่ แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEDP) แผนก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) และแผนน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan) โดยภายใต้แผน TIEB นี้ จะได้รรวบรวมบูรณาการทั้ง 5 แผน ฯ ดังกล่าว เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างความมั่นคงและตอบสนองความต้องการพลังงานของประเทศ สอดคล้องกับการพัฒนาตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ทั้งนี้ รายละเอียดที่สำคัญ ๆ กรอบแผน TIEB ซึ่งกระทรวงพลังงานเชื่อมั่นว่า จะสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนและนักธุรกิจด้านพลังงาน ถึงการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของไทย รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อประชาชนจากการจัดหาพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ต้นทุนพลังงานไม่แพงทำให้ประเทศสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล อาทิ แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP 2015) ซึ่งเน้นไปที่แนวคิดสร้างความสมดุลย์สูงสุด และแบ่งออกเป็น 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.) มิติด้านความมั่นคง สร้างความสมดุลย์ด้วยการกระจายแหล่งเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้า โดยมีการปรับลดสัดส่วนการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ ที่ปัจจุบันต้องพึ่งพาสูงถึงร้อยละ 64 ให้ลดลงเหลือร้อยละ 45 – 50 ในปีช่วงกลางแผน ปี 2569 และในปลายแผนจะลดลงเหลือเพียงร้อยละ 30 – 40 ในปี 2579 โดยจะเพิ่มในส่วนของพลังงานหมุนเวียน ถ่านหินสะอาด และการรับซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้าน เป็นต้น
2.) มิติด้านสิ่งแวดล้อม จะรักษาความสมดุลย์โดยเร่งการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาภาวะโลกร้อน โดยการปลดปล่อยคาร์บอนฯ จะลดลงจาก 0.506 กิโลกรัมคาร์บอนต่อหน่วย เหลือ 0.319 กิโลกรัมคาร์บอนต่อหน่วย หรือจะมีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ลดลงร้อยละ 37 ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการอนุรักษ์พลังงานอย่างเต็มที่ และ 3.) มิติด้านการส่งเสริมการแข่งขันทางธุรกิจ จากการรักษาสมดุลย์ค่าไฟฟ้า ที่จะช่วยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่คาดว่าจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยตลอดช่วงของแผน PDP 2015
แผนแม่บทพลังงานทดแทนสำหรับประเทศไทย (AEDP) กระทรวงพลังงานได้กำหนดเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้งานของพลังงานทดแทนขึ้นเป็นไม่น้อยกว่า 25% ภายในปี 2564 และมีการปรับแผนเพื่อความยั่งยืนของการใช้พลังงานทดแทนเพื่อให้รักษาสัดส่วนการใช้งานดังกล่าวเอาไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่องถึงปี 2579 ในส่วนของไฟฟ้าซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จในขณะนี้ ประกอบด้วยโดยการดำเนินงานที่สำคัญ ๆ ได้แก่ จัดลำดับความสำคัญด้วยการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ ชีวมวล และก๊าซชีวภาพให้ได้เต็มตามศักยภาพเป็นลำดับแรก เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกับเกษตรกรและชุมชนในการแก้ไขปัญหาขยะล้นเมือง
การกำหนดเป้าหมายการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนตามรายภูมิภาค โดย Zoning ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าและศักยภาพพลังงานหมุนเวียน ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์และ พลังงานลมในลำดับถัดไป เมื่อต้นทุนสามารถแข่งขันได้กับการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเหลวหรือ LNG รวมไปถึงส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ด้วยวิธีการแข่งขันด้านราคา (Competitive Bidding) เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค เป็นต้น
แผนอนุรักษ์พลังงาน หรือ EEP โดยจะมุ่งผลไปยังกลุ่มเป้าหมายหลัก 4 กลุ่ม คือ อุตสาหกรรม อาคาร ที่อยู่อาศัย และภาครัฐ สำหรับกำหนดแนวทางการอนุรักษ์พลังงานที่สำคัญๆ ได้แก่ ยกเลิก/ทบทวนการอุดหนุนราคาพลังงานเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ โดยให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด แนวทางใช้มาตรการทางภาษี ลดภาษี และใช้เงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานสนับสนุนอุปกรณ์ที่มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การเร่งรัดการสนับสนุนมาตรการด้านการเงิน ด้วยเงินให้เปล่าและเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้มีการเปลี่ยนอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และให้ค่าคำปรึกษาในการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
การกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานในอาคาร (Building Energy Code) และโรงงาน โดย กระทรวงพลังงาน ประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงมหาดไทย เพื่อผลักดันให้เป็นมาตรการบังคับ การกำหนดให้ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่ ต้องดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานให้ลูกค้า (Energy Efficiency Resources Standard: EERS) รวมไปถึง เร่งรณรงค์ด้านพฤติกรรมและการปลูกจิตสานึกการใช้พลังงานให้เป็นวัฒนธรรมของชาติ เป็นต้น