วันนี้คาดว่าเงินบาทจะมีทิศทางที่ทรงตัว หลังจากที่เมื่อวานคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมที่ 1.50% แต่นักลงทุนยังติดตามยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในคืนนี้ ซึ่งหากตัวเลขออกมาดีต่อเนื่องจากเดือนเม.ย. ก็มีโอกาสที่ดอลลาร์จะแข็งค่า และเงินบาทจะอ่อนค่าลงได้
"วันนี้บาทคงทรงๆ รอดูสหรัฐประกาศยอดค้าปลีกคืนนี้ ถ้าออกมาดีเหมือนเดือนก่อน บาทก็มีโอกาสจะอ่อนค่า" นักบริหารเงิน ระบุนักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.60-33.70 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 123.12/18 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 122.78 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโร เช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.1280/1290 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1305 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.6990 บาท/ดอลลาร์
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับ บล.โนมูระ พัฒนสิน เตรียมเดินสายโรดโชว์เชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทยต้นเดือน ก.ค. นี้ หลัง ก.ล.ต. อนุมัติออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ออกบทวิเคราะห์หลัง กนง.มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ระบุอาจเห็นการลดดอกเบี้ยอีกครั้งก่อนสิ้นปี ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายแตะ 1.25%
- รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ ยังไม่มีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ ซึ่งผู้บริโภคยังรอดูทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต ทำให้มีการชะลอการใช้จ่าย และมีการใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค.58 อยู่ที่ 38.9 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือน เม.ย. ที่อยู่ในระดับ 38.8 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต หรือ 3 เดือนข้างหน้า ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือน เม.ย. แต่ค่าดัชนีทุกรายการยังต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนว่าประชาชนยังไม่มีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศยังเปราะบาง จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และรายได้ของเกษตรกรลดลง
- มูดี้ส์เตือนความขัดแย้งทางการเมือง-หนี้ครัวเรือนเป็นปัจจัยเสี่ยง ฉุดปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยอ่อนแอ แต่ยังมั่นใจฐานะการเงินการคลังภาครัฐเชื่อเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3% อานิสงส์การ "ใช้จ่าย-ลงทุน" ขณะภาคเอกชนมีผลประกอบการแข็งแกร่ง หลังต้นทุนราคาน้ำมันลด เชื่อไทยยังน่าลงทุนมากสุด ในกลุ่มอาเซียนหลังเปิดเออีซี
- นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เตรียมพัฒนาการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในอาเซียน 5 ประเทศ ภายใต้โครงการ อาเซียนคอนเนค เพื่อหวังดึงดูดนักท่องเที่ยวอาเซียนให้มาท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงหากนักท่องเที่ยวตลาดหลัก เช่น ตลาดจีนเริ่มเดินทางมาไทยลดลง เบื้องต้นจะนำร่องพัฒนาเริ่มที่ประเทศกัมพูชา ผ่านการเชื่อมโยงใน 3 รูปแบบ ภายใต้แคมเปญ ทูคิงส์ด้อม วัน เดสติเนชั่น พร้อมเริ่มดำเนินการตั้งแต่ มิ.ย.58-ปี 2560
- นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ปริมาณการใช้ไฟฟ้ารอบ 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) อยู่ที่ระดับ 74,636 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 1,556 ล้านหน่วย หรือคิดเป็น 2.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งปี คาดว่าจะขยายตัวไม่ถึง 4% ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว เห็นได้จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าในเดือน ม.ค. ขยายตัว 4.7% ขณะที่เดือน พ.ค. ขยายตัว 2.6% ลดลงต่อเนื่อง
- ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (Official Cash Rate - OCR) เป็นครั้งแรกในรอบเกือบปี โดยปรับลง 0.25% เหลือ 3.25% ในการประชุมวันนี้
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25 % สู่ระดับ 1.5% ในการประชุมวันนี้
- ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบเงินเยนและยูโรเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) หลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับค่าเงินเยน
- ธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 2.8% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3% โดยระบุว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน พร้อมประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัว 2.7% ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัว 1.5% และคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโต 7.1%
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.29 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ ปิดที่ 65.7 ดอลลาร์/บาร์เรล