นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.79/81 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเมื่อเย็นวานปิดตลาดที่ระดับ 33.76 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าได้ต่อ เนื่องจากเป็นช่วงปลายเดือนที่ปกติจะมีแรงซื้อดอลลาร์จากฝั่ง importer เข้ามา ขณะที่เรื่องการชำระหนี้ก็ยังเป็นปัจจัยที่กดดัน ต้องรอดูการประชุมของยูโรกรุ๊ปอีกครั้งในคืนนี้
นักบริหารเงิน ระบุว่า วันนี้เงินบาทมีโอกาสจะขึ้นไปทดสอบระดับ 33.85 บาท/ดอลลาร์ แต่หากผ่านไม่ได้ก็มีโอกาสจะย่อตัวลงมา โดยคาดว่าวันนี้บาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.70-33.85 บาท/ดอลลาร์
*ปัจจัยสำคัญ
- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 123.80 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 123.75 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.1200 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2070 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 33.7930 บาท/ดอลลาร์
- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและเงินเยนเมื่อคืนนี้(24 มิ.ย.) หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ยังคงอยู่ในภาวะหดตัว ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการเจรจาเพื่อคลี่คลายวิกฤตหนี้กรีซที่จะยังไม่ได้ข้อสรุป
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ขั้นสุดท้ายสำหรับช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ หดตัวลง 0.2% ซึ่งแม้ว่าดีขึ้นจากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าหดตัวลง 0.7% แต่นับเป็นไตรมาสที่ 5 ในรอบ 6 ปี ที่เศรษฐกิจไม่สามารถขยายตัวถึง 1%
- นักลงทุนรอดูข้อสรุปในการหารือระหว่างกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ เพื่อที่จะหาทางออกในปัญหาหนี้สินของกรีซ หลังจากที่นายเจอโรน ดิจเซลโบลม ประธานกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซน เปิดเผยว่า การประชุมยูโรกรุ๊ปที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับข้อเสนอของกรีซ โดยยูโรกรุ๊ปจะเดินหน้าหารือกันต่อในวันนี้
ทั้งนี้ กรีซเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะต้องชำระคืนเงินงวดราว 1.6 พันล้านยูโรแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย.นี้
- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.1% แตะที่ 149.58 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว หลังสหรัฐเผยตัวเลขจีดีพีที่หดตัวลงในไตรมาสแรกปีนี้ ขณะที่นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซอีกครั้ง
- สภาคองเกรสได้อนุมัติร่างกฎหมายการค้าแบบ fast-track ด้วยคะแนนเสียง 60-38 ซึ่งคาดว่าจะช่วยเร่งกระบวนการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีร่วมกับญี่ปุ่นและอีก 10 ประเทศในกลุ่มแปซิฟิก การอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าว จะกระตุ้นให้ทั้ง 12 ประเทศเดินหน้าการหารือเพื่อสรุปการเจรจาหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ให้ได้ภายในปลายปีนี้ โดยสหรัฐมองว่า TPP เป็นปัจจัยสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการให้ความสำคัญต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก