สหกรณ์แท็กซี่ยื่นหนังสือถึง"ประจิน"ทวงปรับขึ้นมิเตอร์รอบ 2 ตามสัญญา

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 8, 2015 13:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เพื่อทวงถามถึงการปรับค่าโดยสารรถแท็กซี่ครั้งที่ 2 โดยมีนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือ โดยนายวิฑูรย์ กล่าวว่า มายื่นหนังสือทวงสัญญาที่ รมว.คมนาคมเคยให้สัญญาไว้ว่าจะปรับขึ้นค่ามิเตอร์ครั้งที่ 2 อีก 5% หลังจากปรับครั้งแรก 6 เดือนซึ่งวันนี้เกิน 6 เดือนแล้ว โดยหากภาครัฐยังไม่ให้ปรับมิเตอร์ขึ้น ผู้ประกอบการจะไม่มีการเคลื่อนไหวหรือหยุดวิ่ง แต่จะนัดสมาชิกผู้ขับรถแท็กซี่มาประชุมหารือกันว่าจะมีมาตรการอย่างไรต่อไป

โดยช่วงบ่ายนี้ จะหารือร่วมกับนายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เพื่อรอฟังว่าหน่วยงานรัฐจะมีมาตรการอย่างไร ซึ่งคนขับแท็กซี่พร้อมที่จะให้ความร่วมมือโดยเฉพาะเรื่องที่ประชาชนยังร้องเรียนอยู่ คือ การปฏิเสธรับผู้โดยสาร รวมถึงมาตรการอื่นๆ ที่จะเป็นการยกระดับบริการให้ดีขึ้น เช่น คนขับจะต้องผ่านการอบรมก่อนจึงจะได้รับการปรับจูนมิเตอร์ครั้งที่ 2 หรือการเพิ่มบทลงโทษต่างๆ เป็นต้น โดยมีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การไม่ปฏิเสธรับผู้โดยสาร และยินดีที่จะทำให้เป็นเงื่อนไขที่ชัดเจนก่อนที่จะปรับขึ้นค่ามิเตอร์ครั้งที่ 2 แม้จะต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือนก็ตาม

โดยในหนังสือได้ระบุว่า ตามที่ รมว.คมนาคม ได้มีนโยบายจะปรับขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่ 13% เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของผู้ขับรถแท็กซี่ และลดการปฏิเสธผู้โดยสารโดยแบ่งเป็น 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเดือนธ.ค.57 อัตรา 8% หลังจากปรับสภาพรถให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น และอีก 6 เดือนจะปรับขึ้นครั้งที่ 2 อีก 5% นั้น

แต่ในระหว่าง 6 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้มีการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่รถแท็กซี่มากกว่า 80% ใช้อยู่ ทำให้เกิดผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ขับรถแท็กซี่เพิ่มขึ้นวันละ 100 บาท ถ้าหักกับการขึ้นราคาก๊าซที่ผ่านมาจึงทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จึงไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และทำให้ผู้ขับรถแท็กซี่มีรายได้ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ

"คนขับแท็กซี่ยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐ อยากยกระดับบริการ ร่วมรับผิดชอบในบริการ แต่รัฐต้องร่วมมือด้วยกัน เพราะจะเกี่ยวกับระเบียบบทลงโทษ การอบรมด้วย ทั้งนี้ยอมรับว่าบริการแท็กซี่ อูเบอร์ เป็นคู่แข่งของแท็กซี่ทั่วไป ดังนั้นจะต้องยกระดับบริการ โดยปัจจุบันมีแท็กซี่ 100,000 คัน แบ่งเป็นแท็กซี่ส่วนบุคคลไม่เกิน 20,000 คัน เป็นนิติบุคคลไม่เกิน 20,000 คัน ที่เหลือ ประมาณ 60,000 คนเป็นสมาชิกสหกรณ์แท็กซี่ฯ"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ