จากรายงานสภาพการณ์เกษตรอินทรีย์โลก ระบุว่า มูลค่าสินค้าอินทรีย์ในตลาดโลก ปัจจุบันมีมูลค่ารวมสูงถึง 2.3 ล้านล้านบาท ถึงแม้ว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ก็ยังสามารถขยายตลาดได้กว่า 2.5 เท่า สำหรับตลาดเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้าอินทรีย์ที่มีคุณภาพ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานทั้งไทยและต่างประเทศ โดยพืชที่นิยมปลูกแบบอินทรีย์มากที่สุดในไทย คือ ข้าว ซึ่งถือว่าไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์มากที่สุดในโลก โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิอินทรีย์ เป็นสินค้าที่ตลาดในสหภาพยุโรปต้องการสูงมาก และมีแนวโน้มในการขยายตลาดมากขึ้นในอนาคต
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ดังนั้นประเทศไทยในฐานะหนึ่งในผู้ส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญของโลก จึงมีโอกาสอย่างมากในการพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรไปสู่สินค้าอินทรีย์ ทั้งเพื่อจำหน่ายในประเทศและเพื่อส่งออก ซึ่งการจะก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าอินทรีย์ที่สำคัญของโลกได้นั้น ภาครัฐบาลพร้อมที่จะช่วยผลักดัน โดยการบริหารจัดการทั้งในด้านการผลิตและการตลาดควบคู่กันไป เพื่อทำให้สินค้าอินทรีย์ ของไทยเป็นตัวจริงในตลาดโลก
โดยกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมการตลาดสินค้าอินทรีย์ ของไทยทั้งในและต่างประเทศ สำหรับปี 2557-2559 รวม 5 ยุทธศาสตร์หลัก ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 การสร้างความรู้ ความเข้าใจ ด้านการตลาดสินค้าอินทรีย์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาฐานข้อมูลที่ทันสมัยเพื่อใช้ในการวางแผนการตลาดเชิงรุก ยุทธศาสตร์ที่ 3 การขยายตลาดสินค้าอินทรีย์ทั้งในและต่างประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสร้างความหลากหลายของสินค้าอินทรีย์ให้ตรงตามความต้องการตลาด และ ยุทธศาสตร์ที่ 5 การสนับสนุนเชิงนโยบายโดยการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณามาตรการสนับสนุนสินค้าอินทรีย์เชิงนโยบาย
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและพร้อมสนับสนุนสินค้าอินทรีย์ของไทยอย่างเต็มที่ และต่อเนื่องตลอดมา และเพื่อสร้างการรับรู้ความเข้าใจในสินค้าอินทรีย์ ผลักดันสินค้าอินทรีย์ ให้ก้าวหน้าและเกิดการยอมรับอย่างกว้างขวาง จึงได้เดินหน้าเตรียมความพร้อมการจัดงาน Organic & Natural Expo 2015 อย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 งานแสดงสินค้าอินทรีย์และธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าและบริการอินทรีย์และธรรมชาติ นับเป็นการรวบรวมผู้ผลิต ผู้ประกอบการธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าและบริการอินทรีย์และธรรมชาติอย่างครบวงจร
รวมทั้งจะเป็นการขยายตลาดผู้บริโภคสินค้าและบริการอินทรีย์ ตลอดจนสร้างความรู้ความเข้าใจในสินค้าอินทรีย์ให้แก่ประชาชนในวงกว้างยิ่งขึ้น และยังเป็นการเปิดโอกาสให้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ ตั้งแต่ด้านการผลิต การรับรองมาตรฐาน การตลาดและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเกษตรกร และผู้ผลิตสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำสู่ผู้บริโภค รวมไปถึงสร้างภาพลักษณ์สินค้าและบริการเกษตรอินทรีย์ไทยให้เป็นที่นิยมในตลาดทั้งในและต่างประเทศ จึงนับเป็นเวทีการค้าเกษตรอินทรีย์ที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน
"โดยในปี 2557 ที่ผ่านมา ไทยประสบความสำเร็จในการจัดงานตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ สำหรับในปีนี้กระทรวงพาณิชย์คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานนี้ไม่น้อยกว่า 40,000 คน ทั้งนี้คาดว่ามูลค่าการจำหน่ายและการเจรจาทางธุรกิจภายในงานจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากสินค้าอินทรีย์เป็นที่ต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ" ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
ในส่วนการจัดแสดงสินค้าภายในงานแบ่งออกเป็นกลุ่มประเภทผลิตภัณฑ์และบริการที่จัดแสดง ภายในงาน ซึ่งจะจัดแสดงสินค้าทั่วไปบริเวณงาน จำนวนกว่า 200 ราย รวมกว่า 300 คูหา ครอบคลุมสินค้าออร์แกนิคทุกกลุ่มทั้ง ข้าว ผักผลไม้ อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าออร์แกนิค Non-Food เช่น สิ่งทอ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย รวมทั้งบริการออร์แกนิค อาทิ ร้านอาหาร โรงแรม ร้านสินค้าสุขภาพ โดยแบ่งคูหาและการจัดพื้นที่ออกเป็น 5 โซน คือ 1) โซนสินค้าออร์แกนิคมาตรฐานสากล 2) โซนสินค้าออร์แกนิคมาตรฐานภายในประเทศ 3) โซนสินค้าธรรมชาติ 4) โซนร้านกรีนและบริการ และ 5) โซนร้านอาหารออร์แกนิค
นอกจากนี้ยังมีการจัด สัมมนาทางวิชาการด้านการตลาดสินค้าอินทรีย์ หรือ Organic Symposium ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2558 เวลา 9.00 – 17.00 น. ณ ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้คอนเซปต์ “ความรู้คืออาวุธ" ด้วยการเสริมความรู้จากวิทยากรด้านเกษตรอินทรีย์ระดับโลก สร้างความรู้ความเข้าใจเกษตรอินทรีย์ในมิติต่างๆ ที่สำคัญ ทั้งภาคการผลิตและการตลาด ด้วยวิสัยทัศน์และองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรอินทรีย์และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านเกษตรอินทรีย์ของโลก