คนร.ให้ตั้งโฮลดิ้งรัฐวิสาหกิจเสนอ ครม.ใน ส.ค.-ก.ย.,กำหนดเกณฑ์ดูแล บ.ย่อย

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 17, 2015 13:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)แถลงการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจว่า ที่ประชุม คนร. เห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ โดยกำหนดให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีคณะกรรมการรวม 15 คน ทำหน้าที่จัดทำแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจในภาพรวมระยะเวลา 5 ปี, กำหนดให้มีการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจตั้งแต่การสรรหา และการแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง /กำหนดให้รัฐวิสาหกิจต้องทำแผนฟื้นฟูในกรณีรัฐวิสาหกิจมีปัญหาเสนอต่อกรรมการชุดนี้ด้วย

พร้อมทั้ง ให้มีการจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ อยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่บริหารรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด รวมถึงบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย ซึ่งจะต้องมีการหารือกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการโอนหุ้นรัฐวิสาหกิจที่ถืออยู่มายังบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ และประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชน

ทั้งนี้ คาดว่าจะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.เข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.ต่อไป

"การจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติจะไม่ทำให้รัฐเสียประโยชน์แต่เป็นเครื่องมือของรัฐเพื่อให้การบริหารรัฐวิสาหกิจมีประสิทธิภาพ และไม่ได้เป็นการแปรรูป หรือขายรัฐวิสาหกิจแต่อย่างใด"นายกุลิศ กล่าว

นอกจากนี้ คนร.มีมติให้รัฐวิสาหกิจปรับลดสิทธิประโยชน์ของกรรมการรัฐวิสาหกิจและปรับลดวงเงินบริจาค ร้อยละ 10 และมีมติให้รัฐวิสาหกิจเร่งเปิดเผยข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน มีความครบถ้วยสมบูรณ์เดียวกับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 1 เดือน และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการซ่อมบำรุงและการจัดหาขบวนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิ้ง เพื่อเป็นการเพิ่มคุณภาพในการให้บริการประชาชน

อีกทั้ง คนร.สนับสนุนให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โดยมอบหมายให้ สคร.หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐวิสาหกิจอื่นๆถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุน เพื่อเป็นแหล่งลงทุนทางเลือกในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต่อไป

นายกุลิศ กล่าวอีกว่า ที่ประชุม คนร. ยังเห็นชอบให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์จัดตั้งลงทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งพบว่ามีรัฐวิสาหกิจหลายแห่งมีการจัดตั้งบริษัทในเครือที่รัฐวิสาหกิจถือหุ้นเกินร้อยละ 25 อยู่ 120 แห่ง โดยมีบริษัทที่มีผลกำไร 60 แห่ง และบริษัทที่ผลขาดทุน 60 แห่ง โดยคนร.ได้มอบหมายให้ทุกรัฐวิสาหกิจกลับไปทบทวนสถานะภาพของบริษัทในเครือของตนเองภายใน 3 เดือน และให้รายงานกระทรวงต้นสังกัด ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมคนร.ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ทุกบริษัทต้องสามารถชี้แจงเหตุผลในการคงบริษัทไว้ หรือหากบริษัทใดประสบปัญหาขาดทุนก็ต้องเสนอแผนฟื้นฟูเข้ามาด้วย หรือหากเห็นว่าหมดความจำเป็นแล้วสามารถยุบเลิก หรือควบรวมกิจการบริษัทในเครืออื่นๆได้ โดยจะเป็นการพิจารณาคลอบคลุมรัฐวิหกิจทั้ง 56 แห่งรวมถึงสถาบันการเงินด้วย

ส่วนการขออนุมัติจัดตั้งบริษัทลูกใหม่ จะต้องนำเสนอต่อกระทรวงต้นสังกัด ก่อนนำเสนอต่อคนร. และครม.พิจารณาต่อไป ส่วนรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หากต้องการตั้งบริษัทในเครือที่ถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 และไม่มีสถานภาพเป็นรัฐวิสาหกิจให้เป็นอำนาจบอร์ดของรัฐวิสาหกิจเหล่านั้นเป็นคนพิจารณา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ