เงินบาทเย็นนี้ 34.95 ลุ้นทะลุ 35 หากผลประชุมเฟดคืนนี้ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

"เงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่องจากปัจจัยเรื่องดอลลาร์แข็งค่า ประกอบกับ outlook เศรษฐกิจในประเทศไม่ค่อยดี กระทรวงการคลังปรับลดประมาณการจีดีพี การส่งออกและภาคการผลิตขยายตัวลดลง" นักบริหารเงิน กล่าว

โดยคืนนี้นักลงทุนจับตาดูผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐถึงความชัดเจนในเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ย

นักบริหารเงิน คาดวันศุกร์เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.80-34.95 บาท/ดอลลาร์

"พรุ่งนี้เป็นวันหยุดกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เปิดตลาดเช้าวันศุกร์บาทมีโอกาสทะลุ 35(บาท/ดอลลาร์)ได้ หาก FOMC มีท่าทีที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย" นักบริหารเงิน กล่าว

ล่าสุด THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 34.9363 บาท/ดอลลาร์

• ปัจจัยสำคัญ

• เงินเยนอยู่ที่ระดับ 123.59 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 123.37/41 เยน/ดอลลาร์
• เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1062 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1082/1084 ดอลลาร์/ยูโร
• นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ยอมรับมีโอกาสที่จะเห็นเงินบาทอ่อนค่าถึง 35 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยมาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ซึ่งประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ต้องการดึงเงินจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE)กลับ ส่งผลให้เงินบาทรวมถึงสกุลอื่นๆ อ่อนค่าลง แต่สถานการณ์การไหลออกของค่าเงินในขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง
• นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เผยที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ เตรียมเสนอ 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้า ครม.ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ได้แก่ 1.การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งทางราง ถนน น้ำ สนามบิน 6.5 หมื่นล้านบาท, 2.ส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอตามยุทธศาสตร์ที่ปรับปรุงขึ้นมาใหม่, 3.กระตุ้นโดยใช้นโยบายการเงินการคลัง, 4.กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการที่บรรจุในงบประมาณประจำปี, 5.กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกองทุนหมุนเวียน และ 6.ปรับปรุงการบริหารสหกรณ์ที่มีอยู่ในรูปแบบต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
• นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ เผยกรณีสหรัฐฯจัดให้ไทยอยู่ในบัญชีระดับ 3(Tier 3) หรือประเทศที่ดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำของกฎหมายป้องกันการค้ามนุษย์สหรัฐฯ จะไม่มีผลกระทบกับการค้าของไทยกับรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับเอกชนยังคงค้าขายกันเหมือนเดิม
• ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP) ในปีนี้ยังน่าจะเติบโตได้ 3% แม้ว่าการส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกลดลงไป 5% ซึ่งส่งผลกระทบต่อ GDP ให้ลดลง 2.8-2.9% เนื่องจากมูลค่าการส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 56% ของ GDP แต่เจโทรเชื่อยอดส่งออกครึ่งปีหลังจะกระเตื้อง เชื่อว่าการส่งออกน่าจะคลี่คลาย เพราะบาทอ่อนไปถึง 7%
• การเจรจาว่าด้วยข้อตกลงการค้าเสรีระดับพหุภาคีแห่งภูมิภาคแปซิฟิกกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงสุดท้าย โดยบรรดารัฐมนตรีการค้าจาก 12 ประเทศมีกำหนดเจรจาเกี่ยวกับการก่อตั้งเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกในรอบหลายทศวรรษ
• กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เผยยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย.ปรับตัวขึ้น 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้ยอดค้าปลีกโดยรวมปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์ ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ และเครื่องสำอาง แม้ราคาค้าปลีกเชื้อเพลิงจะร่วงลง 10.7% ส่วนยอดขายของผู้ค้าปลีกรายใหญ่ลดลง 0.3% เมื่อเทียบรายปี หลังการปรับเปลี่ยนจำนวนร้านค้า โดยนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ยอดค้าปลีกของผู้ประกอบการรายใหญ่ปรับตัวลดลง
• ธนาคารกลางเกาหลีใต้(BOK) เผยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในเกาหลีใต้ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับต่ำสุด หลังจากธนาคารกลางได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการประชุมเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากงวดใหม่ตามธนาคารต่างๆในเกาหลีใต้เฉลี่ยอยู่ที่ 1.94% ในเดือน มิ.ย. ลดลง 0.07% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งอัตราดังกล่าวถือว่าต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำกว่า 2% เป็นครั้งแรก ส่วนอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากตามกำหนดเวลาปรับตัวลดลง 0.08% จากเดือนก่อนหน้า แตะ 1.65% ในเดือน มิ.ย.
• ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปิดทรงตัวในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนเฝ้าติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐที่จะเสร็จสิ้นลงในคืนนี้ตามเวลาไทย เพื่อประเมินช่วงเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 339 ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวปิดที่ 0.400% ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดเมื่อวันอังคาร ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้าวันนี้สะท้อนทิศทางความต้องการพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่อ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ แต่บอนด์ยีลด์ญี่ปุ่นกลับมาปรับตัวลดลงในเวลาต่อมาเนื่องจากนักลงทุนชะลอการขายเพื่อรอดูผลประชุมเฟด ขณะที่ราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งมอบเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 0.04 จุด แตะระดับ 147.59 ที่ตลาดหุ้นโอซาก้า
• ตลาดหุ้นเกิดใหม่ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีในวันนี้ โดยดัชนี MSCI Emerging Markets Index ปรับตัวขึ้น 0.4% แตะ 895.16 เมื่อเวลาประมาณ 15.20 น.ตามเวลาฮ่องกง หลังจากร่วงลง 5 วันติดต่อกัน เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นจีน ขณะที่นักลงทุนรอดูแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยผลการประชุมเป็นเวลา 2 วันในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย เพื่อประเมินช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับเกือบ 0%