ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า เหตุระเบิดดังกล่าวมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยและความรู้สึกของผู้บริโภค รวมทั้งกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งหลายประเทศให้ความเห็นใจประเทศไทย และพร้อมช่วยเหลือไทย โดยขณะนี้ รัฐบาลดูแลและควบคุมสถานการณ์อย่างเต็ม รวมถึงให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ส่งข้อมูลให้ทูตพาณิชย์ในประเทศต่างๆ ชี้แจงให้แต่ละประเทศเข้าใจถึงการช่วยเหลือของรัฐบาลไทย และเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ไม่มีผลกระทบต่อการจัดงานแสดงสินค้าในไทยแน่นอน
ด้านนายกลินท์ สารสิน รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานกรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ตนได้หารือกับประธานหอการค้าต่างประเทศในไทยถึงเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าวแล้ว เบื้องต้น หอการค้าต่างประเทศส่วนใหญ่เข้าใจ เพราะอยู่ในไทยและผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว จึงเลี่ยงเข้าใกล้พื้นที่เสี่ยง และมั่นใจว่าวสถานการณ์จะจบโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญขณะนี้ คือ การรักษา และดูแลความปลอดภัยภายใน หากทำได้ความเชื่อมั่นด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวจะกลับเข้าสูภาวะปกติโดยเร็ว
"สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่ากระทบเพียงระยะสั้น และรัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จากข้อมูลยังพบว่า ยอดการจองเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยล่วงหน้าในช่วงเดือนก.ย.นี้ มากกว่า 47% และเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นถึง 70% ซึ่งยังต้องติดตามสถานการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทางหรือไม่ แต่เป้าหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวมาไทยทั้งปี 58 ยังอยู่ที่ 28.6 ล้านคน ส่วนยังคงจัดกิจกรรมกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวหรือไม่ คงต้องประเมินสถานการณ์ก่อน"ส่วนนางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากรัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ได้ โดยไม่มีเหตุการณ์ต่อเนื่อง เชื่อว่า จะมีผลกระทบต่อจิตวิทยาระยะสั้น หรืออาจทำให้การท่องเที่ยว และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงในช่วงไตรมาส 3 เท่านั้น ส่วนไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลการท่องเที่ยวจะกลับมา เพราะนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวไทย และการท่องเที่ยวจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ 2.5-2.9% ได้
จากสถานการณ์นี้ ยังมองว่าการจัดงานแสดงสินค้า การเจรจาการค้า ยังคงเป็นปกติและเดินหน้าไปได้ ที่สำคัญต้องการให้สื่อ และประชาชนระมัดระวังการแชร์เหตุการณ์ต่างๆ เพราะนักท่องเที่ยว นักธุรกิจติดตามข่าวสารผ่านสื่อโซเชียล ซึ่งต้องระวังมากขึ้นในการเผยแพร่ข้อมูล