อย่างไรก็ตาม หากมีคนมาทาบทามก็จะไม่ขอรับตำแหน่ง เพราะไม่อยากจะเห็นการแบ่งแยกในการทำงาน และอยากสนับสนุนให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ที่จะเข้ามารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจแทนแทนได้ทำงานอย่างเต็มที่ เนื่องจากการมีที่ปรึกษาไปจับจ้องและจี้งานทำให้ไม่สามารถทำงานได้ จึงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับนายสมคิดอีก
"ทำไมต้องมีที่ปรึกษาไปตามงานเขา ไปจับจ้องเขา วิธีการมาตามงานผม จี้งาน มันน่ารำคาญ ทำงานไม่มีความสุข แต่เราก็หนุนเขาเต็มที่ อยากให้ประเทศไปให้ได้" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว"ก็ผมโดนมาแล้วไง ผมทำงานก็โดนนั่งตามจับผิดมาโดยตลอด ซึ่งคนทำงานมันหมดแรง ผมไม่อยากให้คุณสมคิดหมดแรง ให้เขาทำเต็มที่ ไม่ควรจะมีที่ปรึกษานายกฯ ไปคอยตามงานคุณสมคิด ใครเข้ามาทำผมเองก็สนับสนุนเต็มที่ เพื่อให้เศรษฐกิจดีให้ได้ อะไรไม่ดีก็โทรบอกกัน แอบเตือนกัน ตามดูกันแบบนี้ ไอ้คนทำงานมันไม่มีความสุขหรอก"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวพร้อมยืนยันว่าไม่รู้สึกน้อยใจที่ถูกนายกรัฐมนตรีปรับออกจากคณะรัฐมนตรี แต่หลังจากนี้คงจะไม่ช่วยงานของรัฐบาลหรือให้คำปรึกษาใดๆ อีก โดยจะขอกลับไปอยู่บ้านกับครอบครัวเพราะขณะนี้อายุ 68 ปีแล้ว และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีโอกาสหารือกับนายสมคิด ขณะเดียวกันไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ อยากให้มีการโปรดเกล้าฯ ลงมาก่อน
"ไม่น้อยใจ ตนเข้ามาไม่เคยน้อยใจ เข้ามาเพื่อทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ เมื่อถามว่า จากนี้จะช่วยงานนายกฯอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ช่วย ตนก็อยู่บ้าน อายุ68 ปีแล้ว อยู่บ้านอ่านหนังสือพิมพ์ก็สนุกแล้ว เกษียณบ้าง แค่นี้ก็หมดแรงแล้ว"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว"ผมเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครมาเป็นเจ้าหัวใจ"ม.ร..ปรีดยาธร กล่าวสำหรับหน้าตาครม.เศรษฐกิจชุดใหม่นั้น ม.ร.ว.ปรีดียาธร กล่าวว่า โปรดเกล้าฯเมื่อไหร่ค่อยคุยเมื่อนั้น ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าในอนาคตหากนายกรัฐมนตรีปรับ ครม.อีกแล้วเชิญกลัยมาร่วมรัฐบาลจะตอบรับหรือไม่นั้น ม.ร.ว.ปรีดียาธร กล่าวว่า "ผมอยู่ของผมสบายดีแล้ว"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร นัดสัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาลในเวลา 10.30 น.ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่นายกรัฐมนตรีกำลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในทะเนียบรัฐบาลเช่นกัน