"การเกษตรเป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคต ซึ่งจะเห็นว่าสินค้าเกษตรของไทยยังมีโอกาสอีกมากมายในเวทีการค้าโลก สิ่งสำคัญอยู่ที่ยุทธศาสตร์ ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องช่วยกันยกระดับเกษตรกรให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการให้ได้" นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว
ในปี 57 การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยในตลาดโลกมีมูลค่ารวม 1,041,197 ล้านบาท มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังภูมิภาคอาเซียนเป็นอันดับ 1 ร้อยละ 22%, ญี่ปุ่น 13% และจีน 12% ตามลำดับ ซึ่งประเทศไทยยังคงครองตลาดสินค้าเกษตรหลักๆ ในตลาดโลก อาทิ ข้าว กุ้ง มันสำปะหลัง เป็นต้น แต่อาเซียนกับไทยมีการผลิตสินค้าเกษตรที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเหมือนกันหลายสินค้า อาทิ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และกาแฟ เป็นต้น
ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด 5 แห่ง เข้าร่วมแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเกษตร ได้แก่ 1.กรมการข้าวได้นำพันธุ์ข้าวที่ผ่านการรับรองพันธุ์ข้าวใหม่ จำนวน 7 พันธุ์ ซึ่งทั้งหมดเป็นพันธุ์ข้าวที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ คือ เกษตรกร ผู้บริโภค รวมทั้งผู้ประกอบการแปรรูปข้าว 2.กรมปศุสัตว์ นำผลการศึกษาวิจัยการทำเนยแข็งเฟต้า ที่ผลิตจากน้ำนมโคและน้ำนมกระบือมาจัดแสดง เพื่อส่งเสริมการแปรรูปให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์จากน้ำนมกระบือ และน้ำนมโค ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่า ยืดอายุการเก็บรักษา และสร้างรายได้ให้เกษตรกร
3.กรมประมง นำพันธุ์ปลาที่มีการวิจัยเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ให้มีมูลค่าสูงในเชิงพาณิชย์ 5 ชนิดมาจัดแสดง 4.กรมหม่อนไหม นำนวัตกรรมการลงทะเบียนเกษตรกรด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และเครื่องสาวไหมขนาดเล็กพร้อมกับตู้อบรังไหมขนาดเล็กเพื่อเกษตรกรรายย่อยมาจัดแสดงในรูปแบบนิทรรศการ และ 5.กรมวิชาการเกษตรซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนทางการเกษตรที่สำคัญ ทั้งนี้นวัตกรรมและผลงานวิจัยทั้งหมดนี้ นอกจากจะก่อให้เกิดการเรียนรู้ การพัฒนาต่อยอด เพื่อนำเศรษฐกิจไทยสู่ความยั่งยืนแล้ว ยังเป็นการสร้างความร่วมมือให้เกิดความเข้มแข็งของภาคเกษตรของประเทศไทยอีกด้วย
สำหรับงานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 กันยายน 58 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี