นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีเข้าสู่ที่ประชุมครม.ในวันพรุ่งนี้ แบ่งเป็น 2 คือ คือมาตราการทางด้านทางการเงินและมาตราการทางด้านภาษี ซึ่งในส่วนมาตรการทางการเงิน จะช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และช่วยลดต้นทุนของเอสเอ็มอี ส่วนมาตรการภาษี จะมีการลดหย่อภาษีเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีในบางเซคเตอร์ที่สำคัญและเห็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจในอนาคตได้
อย่างไรก็ตาม นายอภิศักดิ์ ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขวงเงินที่จะให้ความช่วยเหลือและสัดส่วนในเรื่องของภาษีที่จะลดลงว่าจะเป็นเท่าไหร่ โดยขอให้รอฟังจากผลการประชุมครม.ในวันพรุ่งนี้
ด้านนายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. คาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านรายละ 10,000-20,000 บาท หมู่บ้านละ 75-100 ราย และไม่กังวลว่าจะเกิดหนี้เสีย เพราะเป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับกองทุนที่มีศักยภาพในระดับ A และ B โดยหนี้เสียจากปล่อยสินเชื่อกองทุนหมู่บ้านปัจจุบันอยู่ที่ 3-4%
"รมว.คลังได้กำชับให้ธ.ก.ส. เร่งดำเนินการเพื่อให้เงินเข้าสู่ระบบเข้าสู่ระบบอย่างรวดเร็ว เพื่อให้หมู่บ้านได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง และเกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งในสัปดาห์หน้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาให้กำลังใจและเป็นประธานในการเปิดงาน โดยโครงการดังกล่าวนั้น ธ.ก.ส.จะเร่งรัดการปล่อยสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้"
นายลักษณ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันธ.ส.ก.ดูแลกองทุนหมู่บ้านทุกกลุ่มรวม 30,000 กว่ากองทุน จากทั้งหมด 79,000 กองทุน โดยกองทุนที่ได้รับการจัดชั้นอยู่ในกลุ่ม เอและบี รวม 20,500 กองทุนนั้น ธ.ก.ส.จะดำเนินการปล่อยสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนกองทุนที่เหลือ อีก 18,000 กองทุน ที่ยังไม่ได้รับการเพิ่มทุน ธนาคารจะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย จะเข้าไปช่วยในเรื่องของการบริหารจัดการ และให้คำแนะนำต่างๆ ก่อนที่จะมีการขอเสนอเพิ่มทุนกับคณะกรรมการจังหวัดต่อไป