นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 36.16/18 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 36.20 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทยังคงมีทิศทางที่อ่อนค่า เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงนี้ออกมาดี และตลาดยังเชื่อว่าจะได้เห็นความชัดเจนเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) ในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ จึงยังทำให้ทิศทางของสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.10-36.30 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเย็นอยู่ที่ระดับ 120.13/17 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 119.30 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1158/1159 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1165 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,379.32 เพิ่มขึ้น 7.92 จุด (+0.58%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 35,757 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,147.68 ลบ.(SET+MAI)
- ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ได้ปรับประมาณการณ์ค่าเงินบาทในปีนี้อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 36.75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมประเมินไว้ที่ 36.25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่ามาจากปัจจัยภายนอกที่ได้รับผลกระทบเป็นปัจจัยหลัก โดยเฉพาะปัจจัยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่สร้างผลกระทบของความผันผวนของค่าเงิน ประกอบกับ ปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคให้ชะลอตัวตาม ทำให้มีผลต่อการอ่อนตัวของค่าเงินบาท โดยในช่วง 5 วันที่ผ่านมาเงินบาทอ่อนค่าลงไป 5%
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้มีมติเห็นชอบ มาตรการช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SME) 5 มาตรการ เน้นเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ขยายเงินทุนให้ SME ที่มีทุนน้อย และการลดภาระภาษี
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า รัฐบาลจะเริ่มดำเนินการจ่ายเงินเข้าสู่ระบบผ่านกองทุนหมู่บ้านตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะแรกได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 ก.ย.เป็นต้นไป โดยยืนยันว่ารัฐบาลต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และไม่ใช่โครงการประชานิยม
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ประเมินว่าภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติ 3 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนโดยต้องการให้เกิดขึ้นภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 วงเงินรวม 1.36 แสนล้านบาท จะผลักดันจีดีพีปี 2558 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 0.3 และคาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและซ่อมแซม วัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรก่อสร้างและครุภัณฑ์ ร้านค้าปลีกทั่วไป อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องมือการเกษตร ร้านขายปุ๋ยและยาฆ่าแมลง
- นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เรียกร้องให้ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเร่งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ขณะที่แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาและภาวะผันผวนในตลาดหุ้น ส่งผลกระทบต่อกลุ่มตลาดเกิดใหม่
- คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) เตรียมติดตั้งระบบ circuit breaker สำหรับดัชนีหุ้นในตลาด เพื่อการป้องกันการเทขายหุ้นจากกระแสวิตกจริตในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนอย่างหนัก ทั้งนี้ระบบ circuit breaker ของดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต และดัชนีเสิ่นเจิ้น จะผูกเข้ากับดัชนี CSI300 ซึ่งจะติดตามความเคลื่อนไหวหุ้นของทั้งสองตลาด
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปรับตัวลดลง 2 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 10,378 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,124.06 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 22 เซนต์ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง
- สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) ระบุว่า ยอดส่งออกรถยนต์และโครงรถยนต์ของจีนในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 510,000 คัน ลดลง 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกันการส่งออกรถยนต์และโครงรถยนต์ในเดือนส.ค.อยู่ที่ 60,000 คัน ขณะที่การนำเข้ารถยนต์และโครงรถยนต์ของจีนในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 710,000 คัน ลดลง 25.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในเดือน ส.ค.จีนนำเข้ารถยนต์ 80,000 คัน