เงินบาทเปิด 36.00 คาดแกว่งแคบขาดปัจจัยใหม่หนุน รอเฟด-กนง.สัปดาห์หน้า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 11, 2015 09:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 36.00 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 36.13/15 บาท/ดอลลาร์

แนวโน้มการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดว่าจะแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ ทิศทางยังไม่ชัดเจน เนื่องจากปัจจัยสำคัญที่ตลาดรอดูคือ การประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์หน้า ว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างไร ขณะที่ในบ้านเราก็จับตาผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ด้วยเช่นกัน

"วันนี้บาทคงแกว่งแคบๆ รอประชุม FOMC และ กนง.สัปดาห์หน้า ว่าจะตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยนโยบายอย่างไร" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่าวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 36.00 - 36.20 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 120.75 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 121.17/20 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโร เช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.1280 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1187/1189 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 36.192 บาท/ดอลลาร์
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานยอดการให้บริการธุรกิจบัตรเครดิตทั้งระบบ ณ สิ้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า บัตรเครดิตทั้งระบบที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นันแบงก์) มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.02% รวม 1.35 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย สะท้อนกำลังซื้อของชนชั้นกลางที่ยังแผ่วตามสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ขณะเดียวกันก็เริ่มเห็นการหมุนเงินสดผ่านบัตรมากขึ้นจากการกดเงินสดล่วงหน้าที่เพิ่มถึง 10.6%
  • น.ส.นลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย ออกรายงานระบุว่า การลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและทำให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปนั้นน่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงจำกัด โดยตลาดจะกลับมาสนใจการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นหลักมากกว่า และคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นล่าสุดน่าจะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากมาตรการส่วนใหญ่สามารถดำเนินการได้ทันที เพื่อช่วยครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอี
  • นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยประมาณ 30.45 ล้านคน เติบโต 22.88% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท ความกังวลนักท่องเที่ยวลดลงหลังจับตัวผู้ก่อเหตุย่านราชประสงค์ได้และมีปัจจัยหนุนเรื่องการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) คาดว่าในไตรมาส 4/2558 นักท่องเที่ยวอาเซียนจะเข้าไทย 2.29 ล้านคน เติบโต 20.21% ส่งผลภาพรวมท่องเที่ยวไทยในไตรมาส 4/2558 มีรายได้ 4.24 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 8.14 ล้านคน
  • นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม ยันค่ายรถยนต์มั่นใจใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ส่งออก เผยหารือ สศช.-บีโอไอ ออกมาตรการส่งเสริมทั้งคลัสเตอร์ อุตฯ ยานยนต์ ด้านมิตซูบิชิ เดินหน้าลงทุนไทยต่อเนื่อง
  • ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ไม่มีความชัดเจน ส่งผลให้มีความไม่แน่นอนว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้หรือไม่
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 275,000 ราย ตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 27 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดในรอบกว่า 40 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง
  • นักวิเคราะห์ระบุว่า ข้อมูลข้างต้นบ่งชี้ถึงตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและเงินฟ้อที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ขัดแย้งกันในประเด็นที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้าหรือไม่ โดยเฟดกำหนดจัดประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้
  • ตลาดยังจับตาดูจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนส.ค. การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนส.ค. และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.
  • นายลี จู-ยอล ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินทั้ง 6 รายของธนาคารกลาง ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% หลังจากที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งละ 0.25% ในเดือนมี.ค.และมิ.ย.
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการผลิตน้ำมันดิบที่ลดลงในสหรัฐและการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก แม้ว่ามีการเปิดเผยปริมาณสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดปรับขึ้น 1.77 ดอลลาร์ แตะที่ 45.92 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ปิดเพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ ที่ 48.89 ดอลลาร์/บาร์เรล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ