เงินบาทปิด 35.50 ระหว่างวันผันผวน ก่อนปรับแข็งค่าตามภูมิภาค

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 18, 2015 17:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.50 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเปิดตลาดที่ระดับ 35.78 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามค่าเงินในภูมิภาค ระหว่างวันเงินบาทไปทำ low ที่ระดับ 35.49 บาท/ดอลลาร์ และทำ high ที่ระดับ 35.85 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้เงินบาทปรับตัวแข็งค่าตามแรงเทขายดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทผันผวนหนัก 36 สตางค์" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้าไว้ระหว่าง 35.30-35.75 บาท/ดอลลาร์

"ทิศทางไม่น่าจะแข็งค่าลงไปมากกว่านี้ เพราะช่วงสองวันที่ผ่านมาแข็งค่าลงมามาก ซึ่งเป็นผลตอบรับที่ FED คงอัตราดอกเบี้ย" นักบริหารเงิน กล่าว
  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.12 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 120.03 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1446 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1404 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,390.32 จุด เพิ่มขึ้น 0.62 จุด, +0.04% มูลค่าการซื้อขาย 39,155.47 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 225.43 ล้านบาท(SET+MAI)
  • นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ระบุกรณีที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยน่าจะเป็นผลดีกับทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่แค่ไทยเท่านั้น โดยจะเป็นผลดีกับประเทศที่กำลังพัฒนา เนื่องจากหลายฝ่ายมีความเป็นห่วงว่าหากเฟดมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจส่งผลให้ผลตอบแทนของค่าเงินดอลลาร์สูงขึ้นจะทำให้เกิดภาวะเงินทุนไหลออก
  • นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท.ระบุว่า กรณี FED คงอัตราดอกเบี้ยคงไม่ส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายและมีผลให้ตลาดการเงินมีความผันผวนรุนแรง เพราะแนวโน้มคือ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ย เพียงแต่ว่าจะปรับขึ้นในช่วงเวลาใดเท่านั้น
  • นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ(BBL) กล่าวว่า ค่าเงินบาทขณะนี้สอดคล้องกับภูมิภาค โดยค่าเงินบาทที่ระดับ 36 บาท/ดอลลาร์ ถือว่าปรับตัวได้ดีแล้ว จากก่อนหน้าที่แข็งค่าอยู่ที่ระดับ 32.50 บาท/ดอลลาร์ ถึง 3-4 เดือนในช่วงต้นปี ซึ่งแข็งขึ้น 2% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่สกุลเงินของประเทศอื่นอ่อนค่า และการที่เงินบาทได้ปรับตัวอ่อนค่าลงมา 3-4 บาท/ดอลลาร์ หรืออ่อนค่าลง 10-12% จากช่วงต้นปี ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงมาใกล้เคียงกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคยกเว้นริงกิตมาเลเซีย
  • นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสิน ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เดินหน้าตามนโยบายรัฐบาลอย่างต่อเนื่องภายใต้ภารกิจในการขับเคลื่อน “มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในระยะเร่งด่วน" ผ่าน “โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs" วงเงิน 100,000 ล้านบาท
  • นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ธนาคารได้เตรียมวงเงินสนับสนุนเอสเอ็มอีกว่า 40,000 ล้านบาทในไตรมาสที่ 4 โดยเป็นวงเงินจากสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำตามนโยบายของรัฐบาลเป็นวงเงิน 20,000 ล้านบาท และพร้อมสนับสนุนเงินทุนในส่วนของธนาคาร เพิ่มเติมอีก 20,000 ล้านบาท เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถผ่านวิกฤตที่เกิดขึ้นไปได้
  • น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยเดือน ส.ค.58 มีผู้มายื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัททั่วประเทศ 4,912 ราย ลดลง 6% เทียบกับเดือน ส.ค.57 โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 13,240 ล้านบาท ลดลง 52% เทียบกับเดือน ส.ค.57 สาเหตุที่ทำให้ยอดการทะเบียนจัดตั้งลดลงเพราะมีการเปลี่ยนแปลงทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ทำให้ภาคเอกชนรอดูสถานการณ์ จึงชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน
  • นายโยชิฮิเดะ สึกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุการที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุดนั้นถือเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสม เพราะนโยบายการเงินของเฟดมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่
  • ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปิดร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบมากกว่า 4 เดือน หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ชะลอเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเมื่อคืนนี้ ส่งผลให้นักลงทุนแห่ซื้อพันธบัตร โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 340 ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวปิดที่ 0.330% ลดลง 0.030% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ขณะที่ราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.27 จุด แตะระดับ 148.26 ที่ตลาดหุ้นโอซาก้า
  • สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปรับตัวขึ้น 70 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 10,450 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือราคาเทียบเท่ากับ 1,131.86 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 7.58 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง

แท็ก เงินบาท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ