นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.93/95 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าต่อจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 35.78/82 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทวันนี้ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ และสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากตลาดยังคงเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในปีนี้อย่างแน่นอน
"แนวโน้มบาทยังอ่อนค่าต่อ เพราะตลาดเชื่อว่าอย่างไรแล้วเฟดก็จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้แน่นอน"นักบริหารเงิน ระบุนักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.85-36.00 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 120.37/40 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 120.08 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรเช้านี้ อยู่ที่ระดับ 1.1201/1203 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1267 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.736 บาท/ดอลลาร์
- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) เนื่องจากความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้สนับสนุนแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งเป็นการกดดันสกุลเงินยูโรให้ปรับตัวลง
- นายปีเตอร์ แพรท หัวหน้านักวิเคราะห์ของธนาคารกลางยุโรป(ECB) กล่าวว่า ECB มีความพร้อมที่จะขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากมีความจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้เงินเฟ้ออ่อนตัวมากจนเกินไป ขณะเดียวกัน เขาได้กล่าวปกป้องการที่ ECB คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ โดยระบุว่ามีความจำเป็นเนื่องจากเป็นการรับมือกับความอ่อนแอของเศรษฐกิจยุโรปและเศรษฐกิจโลก
- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยดัชนี MSCI Asia Pacific ไม่รวมญี่ปุ่น เคลื่อนไหวเล็กน้อยเมื่อเวลาประมาณ 8.00 น.ตามเวลาฮ่องกง ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด ทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 2 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.68 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ออกรายงานเตือนว่า ภาคธนาคารของจีนกำลังเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้นจากหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น และปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ S&P ปรับการประเมินความเสี่ยงในภาคธนาคารของจีนจาก"มี"เสถียรภาพ"เป็น"เชิงลบ"โดยรายงานระบุเตือนว่า การปล่อยกู้จำนวนมากของภาคธนาคารและระบบธนาคารเงาในระหว่างปี 2009-2013 ได้ทำให้เกิดความเสี่ยงในระดับสูงของภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สมดุล และความเสี่ยงด้านการปล่อยสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจ