เงินบาทปิดตลาด 35.99 อ่อนค่าตามภูมิภาค หลังมีแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามา

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 22, 2015 17:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 35.99 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 35.93/95 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค หลังตลาดมีแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามา ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.88-35.99 บาท/ดอลลาร์
"เงินบาทกลับมาอ่อนค่าตามภูมิภาค หลังมีเจ้าหน้าที่เฟดออกมาระบุมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปี ทำให้ตลาดกลับมามีแรงซื้อดอลลาร์อีกครั้ง" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดวันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.95-36.10 บาท/ดอลลาร์

"พรุ่งนี้เงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง" นักบริหารเงิน กล่าว
  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.77 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 120.37/40 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1172 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1201/1203 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,379.32 จุด ลดลง 13.41 จุด, -0.96% มูลค่าการซื้อขาย 36,547.78 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 140.13 ล้านบาท(SET+MAI)
  • ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย(ADB) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม(GDP) ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียลงสู่ระดับ 5.8% ในปี 2558 และ 6.0% ในปี 2559 จากเดิมคาดการณ์ไว้เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาที่ระดับ 6.3% ทั้งในปี 2558 และ 2559
  • ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเม็ดเงิน 5 หมื่นล้านหยวน หรือ 7.85 พันล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดเงินผ่านข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน(reverse repo) อายุ 7 วัน อยู่ที่ 2.35% ในวันนี้ นับเป็นการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเป็นครั้งแรกของสัปดาห์นี้ และเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการรับมือกับภาวะขาดแคลนเงินระยะสั้นในตลาด โดยการอัดฉีดเงินสดจะช่วยชดเชยผลกระทบต่างๆจากสัญญา reverse repo ที่ครบกำหนดในวันนี้
  • ธนาคารกลางเกาหลีใต้ เผยช่วงไตรมาสสองของปีนี้รายได้ของกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ในเกาหลีใต้ร่วงลงหนักสุดในรอบ 12 ปี เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงและภาคอุตสาหกรรมการต่อเรือที่อยู่ในภาวะซบเซา โดยรายได้เฉลี่ยของบริษัทราว 16,000 แห่ง ปรับตัวลง 4.3% เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับลง 4.7% ในช่วงไตรมาสแรก ขณะที่บรรดาบริษัทผู้ผลิตขนาดใหญ่มีรายได้ร่วงลง 7.5% ซึ่งถือเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2546 อันเป็นผลมาจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และแร่เหล็ก, การลดลงของรายได้บริษัทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทส่งออกรายใหญ่ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ส่งผลให้รายได้ในช่วงไตรมาส 2 ของภาคอุตสาหกรรมเครื่องจักร อิเล็กทริคและภาคอิเล็กทรอนิค ลดลง 3.6% เมื่อเทียบรายปี
  • รายงานดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจจีนที่จัดทำโดย MNI ระบุว่า ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ(BSI) ของเหล่าผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆของจีนในเดือน ก.ย.ร่วงลงสู่ระดับ 51.3 จากระดับ 56.0 ในเดือน ส.ค. ขณะที่ดัชนีย่อยสำหรับการคาดการณ์ในอนาคต อ่อนตัวแตะ 52.1 ในเดือน ก.ย. ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มการสำรวจในปี 2550

แท็ก เงินบาท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ