นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 36.29 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 36.36/38 บาท/ดอลลาร์
"ระหว่างวันเงินบาททำ High ที่ 36.40 ทำ Low ที่ 36.29 คือล่าสุด แต่เหลืออีกครึ่งชั่วโมงจะปิดตลาดไม่แน่ใจว่าจะแข็งขึ้นอีกหรือไม่...แนวรับอยู่ที่ 36.25" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่องตามภูมิภาค หลังมีการเทขายดอลลาร์ทั่วโลก ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 36.25-36.35 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 36.3308 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 120.25 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 119.87/89 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1220 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1248/1250 ดอลลาร์/ยูโร
- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจเดือน ส.ค.58 กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังอ่อนแอ การส่งออกสินค้าหดตัวมากขึ้นจากความต้องการจากจีนและอาเซียนที่ชะลอตัว จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวในอัตราที่ต่ำลง ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมยังสะท้อนความระมัดระวังในการใช้จ่ายของครัวเรือนสอดคล้องกับรายได้ครัวเรือนที่ลดลง โดยเฉพาะรายได้นอกภาคเกษตร และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เปราะบาง
- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนสิงหาคม 58 ดัชนีฯ ทรงตัวจากเดือนก่อนที่ระดับ 46.4 ซึ่งยังคงต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนความเชื่อมั่นต่อภาวะทางธุรกิจที่ลดลงจากเดือนก่อนของผู้ประกอบการในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในภาคการค้า
- เวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรัม (WEF) เปิดเผยในรายงาน "Global Competitiveness Report 2015-2016" ว่า เศรษฐกิจจีนไม่มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะฮาร์ดแลนดิ้ง แม้ข้อมูลในช่วงที่ผ่านมาทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนในระดับหนึ่งก็ตาม นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ของ WEF กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ถือเป็นสถานการณ์ที่ปกติและคาดการณ์ได้ เมื่อพิจารณาจากสถิติการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าพอใจของจีนในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (ฉบับย่อ) ครั้งที่ 6/2558 วันที่ 16 กันยายน 2558 โดยระบุว่า คณะกรรมการฯ เห็นว่าการดำเนินนโยบายการเงินในระยะนี้ควรให้น้ำหนักกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่าภาวะการเงิน รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนยังเอื้อต่อการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้สามารถคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ส.ค.58 อยู่ที่ 155.38 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 169.41 โดยดัชนี MPI ยังคงติดลบต่อเนื่อง 8.3% ด้านอัตราการใช้กำลังผลิตเดือน ส.ค.58 อยู่ที่ 57.77% ลดลงจาก 60.38% ของช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลงจาก 58.67% ในก.ค.58 ขณะที่ 8 เดือน ดัชนี MPI ติดลบ 4.5% ใกล้เคียงช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ติดลบ 4.6%
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนว่า กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มีความอ่อนไหวมากขึ้นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่นักลงทุนทั่วโลกพากันหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากหนี้สินภาคเอกเชนที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ IMF ยังเรียกร้องให้ธนาคารกลางและเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการเงินทั่วโลกเพิ่มการจับตาดูความเคลื่อนไหวของสภาพคล่องในตลาด และเตรียมรับมือหากประเทศที่พัฒนาแล้วบางแห่งเริ่มปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ