เงินบาทปิดตลาด 35.49 ผันผวนตามแรงซื้อขาย มองกรอบพรุ่งนี้ 35.45-35.65

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 14, 2015 17:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 35.49 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเปิดตลาดช่วงเช้านี้ที่ระดับ 35.65/67 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวตามแรงซื้อขายในกรอบระหว่าง 35.41-35.67 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา
"วันนี้เงินบาทค่อนข้างผันผวน เพราะยังไม่มีปัจจัยชัดเจน ทิศทางค่าเงินภูมิภาคเป็นแบบผสมผสาน สิงคโปร์ดอลลาร์แข็งค่า แต่ริงกิตกับรูเปียอ่อนค่า" นักบริหารเงิน กล่าว

คืนนี้ทางการสหรัฐจะประกาศยอดค้าปลีกเดือน ก.ย.58 ซึ่งเป็นตัวเลขสำคัญที่ตลาดจะนำมาประเมินถึงทิศทางการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.45-35.65 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.56 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 119.58/60 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1403 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1388/1390 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,405.08 จุด ลดลง 1.61 จุด, -0.11% มูลค่าการซื้อขาย 36,374.90 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 934.06 ล้านบาท(SET+MAI)
  • ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้ปรับตัวลง ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วง 1% แตะ 355.08 จุด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง รวมทั้งภาวะเงินฝืด ภายหลังจากที่สนง.สถิติแห่งชาติจีนได้รายงานข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย.ที่ชะลอตัวลง
  • นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ ส.อ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน ก.ย.58 อยู่ที่ 124,952 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ย.57 ร้อยละ 28.06 เนื่องจากมีการส่งออกรถกระบะรุ่นใหม่ การส่งออกรถกระบะไปยังตลาดตะวันออกกลางดีขึ้น และส่งออกรถอีโคคาร์ไปตลาดยุโรปและตลาดอเมริกาเหนือได้มากขึ้น โดยมีมูลค่าการส่งออก 64,538.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ย.57 ร้อยละ 43.52 ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ย.58) สามารถส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปได้ 905,366 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.92 มีมูลค่าการส่งออก 431,520.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.92
  • นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย.58 อยู่ที่ระดับ 82.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 82.4 ในเดือน ส.ค.58 เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการเพื่มขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย.58 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน
  • นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษก ธปท.เผยตัวเลขการนำเข้าของจีนที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 นั้นมีสาเหตุจากการลดลงของการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นผลจากทั้งปริมาณการนำเข้าที่ลดลงตามการลงทุนที่อ่อนแอต่อเนื่อง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ลดลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากการชะลอตัวของการนำเข้าสินค้าขั้นกลาง โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากอุปสงค์ในตลาดโลกที่ชะลอลง ขณะที่การนำเข้าสินค้าในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มสินค้าเกษตร และเกษตรแปรรูปขยายตัวเร่งขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยพิเศษ ได้แก่ นโยบายของรัฐบาลจีนที่ห้ามนำสินค้าบางประเภทใช้ผลิตเอทานอลจึงมีการนำเข้าสินค้าทดแทน

สำหรับผลกระทบต่อไทยนั้น ข้อมูลการส่งออกของไทยล่าสุดในเดือน ส.ค.58 ชี้ว่าการส่งออกของไทยไปจีนเริ่มปรับดีขึ้นจาก สินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคและสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นผลจากนโยบายภาครัฐ เช่น การห้ามใช้ข้าวโพดผลิตเอทานอล ผู้ผลิตจึงหันมานำเข้ามันสำปะหลังทดแทน และการที่รัฐบาลเก็บภาษีนำเข้ายางคอมปาวด์ซึ่งส่งผลดีต่อยางพารา และน้ำตาลได้อานิสงส์จากการลดพื้นที่ ประกอบกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นตามรายได้

  • กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์(MTI) เผยภาวะเศรษฐกิจประจำไตรมาส 3 ขยายตัว 1.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งลดลงจากไตรมาส 2 ที่ขยาย 2% แต่หากเทียบเป็นรายไตรมาสพบว่า เศรษฐกิจไตรมาส 3 ขยายตัว 0.1% ซึ่งตรงข้ามกับไตรมาสก่อนหน้าที่หดตัวลง 2.5%
  • ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน 2 สัปดาห์ในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อพันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ หลังจากตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 340 ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว ปิดที่ 0.305% ลดลง 0.010% จากระดับปิดเมื่อวันอังคาร ส่วนราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งมอบเดือน ธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.08 จุด แตะระดับ 148.40 ที่ตลาดหุ้นโอซาก้า
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ เผยอัตราว่างงานของอังกฤษในช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค.ลดลงแตะ 5.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 2551 หรือในรอบ 7 ปี จากอัตรา 5.5% ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้า โดยจำนวนผู้ว่างงานในอังกฤษช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค.ลดลง 79,000 คน สู่ระดับ 1.7 ล้านคน ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นปี ขณะที่จำนวนผู้มีงานทำในอังกฤษช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้น 140,000 คน ซึ่งส่งผลให้อัตราการจ้างงานแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มจัดเก็บข้อมูลในปี 2514

แท็ก เงินบาท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ