(เพิ่มเติม) นบข.ไฟเขียวทยอยระบายข้าวเกรดซี/ธ.ก.ส.ชงมาตรการช่วยนาปี 58/59 เข้าครม.พรุ่งนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 26, 2015 18:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.)ว่า ได้รายงานความคืบหน้าการระบายข้าวเสื่อมคุณภาพ(ข้าวเกรดซี) หลังจากคณะกรรมการระดับจังหวัดลงพื้นที่ตรวจสภาพข้าวในคลังทั่วประเทศสามารถตรวจสอบได้แล้วกว่า 95% จำนวน 1,003 คลัง แบ่งเป็น ข้าวที่ปนกันระหว่างข้าวดีและข้าวเสีย สามารถแยกประเภทข้าวได้ มีปริมาณ 9 ล้านตัน ที่ประชุมมีมติว่า เมื่อแยกประเภทข้าวเสร็จสามารถนำข้าวเสียระบายสู่ภาคอุตสาหกรรมได้ แต่จะเริ่มระบายข้าวในช่วงเดือนมี.ค.หลังจากระบายข้าวในช่วงฤดูกาลใหม่ เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายกลไกราคาข้าว

ส่วนข้าวที่ปนกันอยู่ไม่สามารถแยกประเภทข้าวได้ ตรวจสอบเสร็จแล้ว 176 คลัง มีปริมาณข้าว 2 ล้านตัน ที่ประชุม นบข.มีมติเห็นชอบในหลักการให้มีการระบายข้าวได้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลและแก้ไขปัญหาคุณภาพข้าวไม่ให้เสื่อมคุณภาพไปมากกว่านี้ แต่ต้องมีมาตรการควบคุมไม่ให้มีการนำข้าวในส่วนนี้กลับเข้าสู่ระบบการค้าปกติ

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จะสามารถระบายข้าวได้ หลังจากมีหนังสือยืนยันการตรวจสอบโกดังข้าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ซึ่งคาดว่าจะส่งมาภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ ก่อนที่ทางคณะกรรมการระบายข้าวจะมีการนัดประชุมเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการประมูลหรือขายข้าวในจำนวนนี้ต่อไป นอกจากนี้ ยังมีข้าวที่อยู่ระหว่างแผนการรมยาที่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้อีก 2 ล้านตัน

สำหรับปริมาณข้าวนาปี ฤดูการผลิต 2558/2559 นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานว่าจะมีปริมาณข้าวประมาณ 12.7 ล้านตัน แบ่งเป็น ข้าวหอม 6 ล้านตัน, ข้าวเหนียว 6.7 ล้านตัน และข้าวเจ้า 10 ล้านตัน

ด้านนายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม นบข.มีมติให้ออกมาตรการโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ฤดูการผลิต 2558/2559 และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวหรือมาตรการจำนำยุ้งฉาง 3 โครงการที่จะนำเสนอ ครม.ในวันพรุ่งนี้(27 ต.ค.)

1.มาตรการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับชาวนาที่เป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตรและขึ้นทะเบียนชาวนาไว้กว่า 1 ล้านครอบครัว ในอัตราร้อยละ 3 ในระยะ 6 เดือน เริ่ม 1 เมษายน 2559 โดยมีกรอบวงเงิน 975 ล้านบาท

2.มาตรการดูแลระบบสหกรณ์และวิสาหกิจชุมชน ให้มีขีดความสามารถช่วยดูดซับปริมาณข้าวเปลือก โดยธ.ก.ส.จะอำนวยสินเชื่อให้สหกรณ์การเกษตรและวิสาหกิจชุมชน เพื่อนำเงินไปรวบรวมข้าวเปลือกจากสมาชิก รวบรวมเพื่อรอการขาย และรวบรวมมาแปรสีจากข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร กรอบวงเงิน 12,500 ล้านบาท

3.สินเชื่อเพื่อรอการขายข้าว ฤดูการผลิตปี 2558-2559 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ปลูกข้าวเหนียวและข้าวหอมมะลิ และมียุ้งฉางเป็นของตัวเอง สามารถรับสินเชื่อจาก ธ.ก.ส.โดยมีเป้าหมายที่ 2 ล้านตันข้าวเปลือก กรอบวงเงิน 26,000 ล้านบาท

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการแจ้งความคืบหน้าในการสำรวจคลังข้าวและความคืบหน้าในการระบายข้าว ซึ่งมีมาตรการรัดกุมที่สุด โดยหลักการคือทำอย่างไรให้ราคาข้าวปัจจุบันในท้องตลาดและข้าวฤดูกาลใหม่ที่จะออกมาราคาไม่ตก และจะระบายข้าวอย่างไรในแต่ละประเภท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นข้าวที่อยู่ในเกณฑ์ดีประมาณ 9 ล้านตัน ส่วนที่สองที่ไม่สามารถแยกข้าวได้ประมาณ 2 ล้านตัน และข้าวที่เสื่อมอีกประมาณ 2 ล้านตัน ที่จะต้องตรวจสอบใหม่

สำหรับข้าวเกณฑ์ดีที่มีประมาณ 9 ล้านตัน จะต้องเช็คข้าวก่อน รวมถึงข้าวฤดูกาลใหม่ด้วยว่าจะทำกันอย่างไร แต่สิ่งที่เป็นปัญหาในวันนี้ คือเรื่องการตรวจสอบการระบายข้าวจะมีปัญหามาก ซึ่งส่วนหนึ่งยังติดคดีอยู่ด้วย ฉะนั้นจะต้องขออนุมัติให้มีการจำหน่ายได้ในบางส่วนที่มันเสียแล้ว หากเก็บต่อไปของเก่าที่ใกล้เสียจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่ต้องการให้เสียเพิ่มอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมานั้นติดขัดด้วยข้อกฎหมาย

"นี่คือปัญหาที่คุยกัน ถ้าเราเข้าไปแทรกแซงราคาของผลผลิตทางการเกษตร มันจะมีผลกระทบกับงบประมาณแผ่นดิน และตอนนี้ก็มีการต่อระยะเวลาในการที่จะใช้เงินก้อนนี้อีก นี่คือปัญหามันพันกันไปหมด ถ้าถามประชาชน ผมว่าตอนนี้เริ่มเข้าใจว่า เรากำลังทำทุกอย่าง ฉะนั้นวันนี้เราก็หารือกันต่อไป จะแก้ปัญหาข้าวทั้งระบบได้อย่างไร ซึ่งก็ต้องมีการปฏิรูปใหม่ทั้งระบบ...ถ้าเรายังแก้ไม่จบ แล้วมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง เขาก็ต้องเจอปัญหานี้ต่อไป และเขาก็จะทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม รัฐบาลนี้พยายามทำทุกอย่างไม่ได้รังเกียจรังงอนใครเลย นักการเมืองวันหน้าท่านก็เข้ามากันอยู่แล้ว หากวันนี้ท่านยังพูดจาเสียหายกันไปเรื่อยก็จะทำอะไรไม่ได้เลย แล้ววันหน้าท่านก็ต้องมาเจอปัญหาเหล่านี้ ผมถามว่าวันหน้าใครจะมาแก้ให้ท่าน แล้วใครที่เดือดร้อน ประชาชนใช่ไหม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

สำหรับปัญหาข้าวดังกล่าวส่งผลต่อการสรุปยอดตัวเลขความเสียหายอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า มีผล เพราะยิ่งยืดเวลาออกไปจะยิ่งไม่สามารถขายข้าวได้ ซึ่งการเปิดประมูลครั้งที่แล้วที่มีการขายเพียงเจ้าเดียว ปัญหาอยู่ที่เราได้กำหนดราคาขั้นต่ำไปแล้ว ปรากฏว่าไม่มีคนเสนอ ฉะนั้นต้องหาวิธีการระบายข้าวต่อไป ถ้าปล่อยไว้ก็จะยิ่งไม่ได้ไปจากเดิม

"หลายคนมาตีว่ารัฐบาลนี้ขายข้าวไม่เป็นหรือเปล่า มันไม่ใช่ ถ้าตราบใดที่ปริมาณข้าวในสต๊อกมีมากในหลายๆ ประเทศ ยังไงราคาข้าวมันก็ไม่ขึ้น และยิ่งเขารู้ว่าไทยมีข้าวมากขนาดนี้จะทำอย่างไร ใช่หรือไม่ และข้าวฤดูกาลใหม่ก็กำลังจะออกมาอีก"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พร้อมระบุว่า เรื่องการตลาดนั้น ได้มีการไปเปิดตลาดใหม่หลายแห่ง ได้สัญญาการส่งข้าวเพิ่มเติม ซึ่งวันนี้กำลังเร่งเรื่องทำสัญญากับจีน และฟิลิปปินส์ รวมทั้งคาดว่าน่าจะเปิดตลาดในประเทศแถบแอฟริกาได้เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะเป็นประเทศเล็กๆ ก็ตาม แต่หากสามารถไปกระจายสินค้าในกลุ่มเหล่านั้นได้ก็จะดีขึ้น

"ขอเกษตรกรให้ความร่วมมือกับรัฐเถอะ ถ้าจะขอเงินอุดหนุนไปเรื่อยๆ มันก็จะเกิดปัญหาเหล่านี้ไปตลอด วันนี้ต้องร่วมมือเรื่องการลดต้นทุน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำ การปลูกข้าวอาจไม่ได้ปลูกทั้งปี ช่วงไหนที่ข้าวราคาตกก็เปลี่ยนไปปลูกพืชอย่างอื่น มีคำแนะนำเยอะทั้งถั่วเขียว ถั่วเหลือง ซึ่งหลายๆ อย่างขาดแคลน ต้องนำเข้า ทำไมเราไม่ปลูกถ้าทำได้ ซึ่งวันนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำลังแก้อยู่" นายกรัฐมนตรี กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ