"สุวิทย์"โพสต์ FB หลังไทยร่วงอันดับทำธุรกิจง่าย เหตุปท.อื่นปฏิรูปเร็วกว่า ยันเดินหน้าลดอุปสรรค

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 29, 2015 15:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ ได้โพสต์ facebook ส่วนตัว ระบุถึงกรณีธนาคารโลก (World Bank) ได้ประกาศลำดับของความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) ของไทยในปี 58 โดยลดลำดับจาก 46 มาเป็น 49 ว่า บางคนบอกว่าตัวเลขนี้จะมีผลต่อความน่าสนใจในการลงทุนในไทย ถ้าจะแก้ตัว ผมจะเรียนว่า อย่างไรเสียเราก็ยังติด 1 ใน 50 ประเทศแรก (จากทั้งหมด 189 ประเทศ) อยู่ดี

ถ้าจะแก้ตัวต่อไปอีก ผมก็จะเรียนว่าตัวเลขดังกล่าว World Bank สำรวจมาจากบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมาย 50 ราย ถามเจาะจงเฉพาะความยากง่ายในการทำธุรกิจของ SME (ไม่ได้ครอบคลุมรายใหญ่) แถมจำกัดอยู่ในอาณาบริเวณกรุงเทพมหานครเท่านั้น พูดง่ายๆ ตัวเลขดังกล่าวอาจไม่สะท้อนความน่าสนใจในการลงทุนของประเทศในภาพรวม แต่รัฐบาลชุดนี้จะขอ "แก้ไข" ไม่ "แก้ตัว" ส่วนอันดับที่ลดลงอาจไม่ได้หมายถึงการทำธุรกิจในไทยยากขึ้น แต่อันดับเราลดลงอาจเป็นเพราะประเทศอื่นปฏิรูปได้เร็วกว่าเรา

นายสุวิทย์ ระบุว่า ด้วยความไม่นิ่งนอนใจ ในเดือนแรกของการทำงานของทีมเศรษฐกิจ ท่านรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้มอบหมายให้ รมว.คลัง รมว.อุตสาหกรรม กับผมทำงานร่วมกับภาคเอกชนในนาม กกร.(คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน) ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาตลาดทุนไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ฯลฯ อย่างใกล้ชิด ในการแก้ไขปัญหาและขจัดอุปสรรคต่างๆ ที่จะทำให้ภาคเอกชนนั้นได้รับความสะดวก รวดเร็ว และมีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ต่ำ หรือที่เรียกง่ายๆ คือ Ease of Doing Business

โดยที่ผ่านมามีการประชุมแล้ว 3 ครั้ง สองครั้งที่กระทรวงการคลัง และอีกหนึ่งครั้งที่กระทรวงพาณิชย์ ผลการประชุมมีความคืบหน้า จนเป็นที่น่าพอใจของภาคเอกชน และจะดำเนินการต่อไป ในส่วนของการจดทะเบียนบริษัท ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง หลังจากรับทราบปัญหาก็ได้มีปรับปรุงกระบวนงานขนานใหญ่ เพื่อให้ตอบโจทย์ภาคเอกชน สาระสำคัญมีดังต่อไปนี้

1.ลดความยุ่งยากในการยื่นคำขอจดทะเบียนธุรกิจ นับจากนี้ไปหุ้นส่วนผู้จัดการหรือกรรมการตามอำนาจของบริษัท ที่ไม่สะดวกเดินทางมาลงลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียนต่อหน้านายทะเบียน กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เพิ่มทางเลือกใหม่ ให้สามารถลงลายมือชื่อต่อหน้า บุคคลที่เป็น 1) ผู้ทำบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน 2) กรรมการของหอการค้า (สภาหอการค้าฯ หอการค้าไทย หอการค้าจังหวัด หอการค้าต่างประเทศ) 3) กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมจังหวัด 4) กรรมการสภาวิชาชีพบัญชี การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้มีบุคคลที่เป็นผู้รับรองลายมือชื่อผู้ขอจดทะเบียนได้ถึง 196,923 ราย (เดิมมีผู้รับรองลายมือชื่อ 139,39 ราย) เพิ่มขึ้นอีก 57,524 ราย

2.อำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนธุรกิจ จากเดิมการจดทะเบียน เพิ่ม/ลดสาขา ของห้างหุ้นส่วนและบริษัท ที่มีสาขาหลายสาขา จะต้องระบุมาให้ครบทุกสาขา หากมีสาขา ถึง 100 สาขา ก็ต้องระบุทั้ง 100 สาขา คนทำเอกสารตาลายกันเลยทีเดียว ความใหม่ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าสร้างสรรค์ในครั้งนี้ คือ การกำหนดให้ระบุเฉพาะสาขาที่เพิ่มขึ้นใหม่หรือยกเลิกเท่านั้น สะดวกขึ้นอีกเยอะครับสำหรับการจดทะเบียน แถมลดต้นทุนของกระดาษ รักษาต้นไม้ไว้ช่วยลดโลกร้อนได้อีกต่อหนึ่ง

3.สร้างธรรมาภิบาลในธุรกิจที่มีทุนสูง ให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยกำหนดให้ธุรกิจตั้งใหม่ หรือธุรกิจที่ต้องการจะเพิ่มทุน หากมีทุนที่จะจัดตั้ง หรือทุนที่จะเพิ่มเกิน 5 ล้านบาท ต้องแสดงหลักฐานทางการเงิน เพื่อให้ผู้ทำธุรกรรมกับบริษัทสามารถตรวจเช็คการชำระเงินลงทุนจริง เพิ่มความมั่นใจ และสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจ แถมเป็นตัวช่วยแก่ผู้ร่วมลงทุนในการตัดสินใจ และช่วยให้ธนาคารตัดสินใจปล่อยกู้แก่บริษัทได้รวดเร็วขึ้นด้วย

รมช.พาณิชย์ กล่าวในตอนท้ายว่า การปรับปรุงระบบงานจดทะเบียนในครั้งนี้ จะช่วยให้ภาคธุรกิจได้รับความสะดวกเพิ่มมากขึ้น และเป็นการผลักดันให้ประเทศไทยอยู่ในประเทศลำดับต้นๆ ของ Ease of Doing Business!


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ