ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.)กล่าวว่า มติของ กทค.เป็นไปตามหนังสือร้องขอของผู้เข้าร่วมประมูล 3 ราย ยกเว้นกลุ่ม บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล(JAS) ซึ่ง กทค.เห็นความจำเป็นและได้จัดพื้นที่พักให้ภายในสำนักงาน กสทช.
"ยืนยันได้ว่าการติดต่อสื่อสารจะไม่เกิดขึ้น เพราะเรามีกฎข้อห้ามสำหรับผู้เข้าร่วมประมูลอย่างเข้มงวด โดยได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ กสทช.ดูแลควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ตามจะให้ผู้เข้าร่วมประมูลนิดต่อกับ Contact point เพื่อแจ้งต่อครอบครัวเพื่อนำเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวรวมถึงข้อความที่จะส่งถึงผู้ร่วมประมูล"นายฐากร กล่าว
เลขาธิการ กสทช. กล่าวอีกว่า หากในวันพรุ่งนี้การประมูลยังไม่เสร็จสิ้น จะพิจารณาว่าจะพักการประมูลในเวลา 18.00 น.
อย่างไรก็ตาม นายฐากร ยอมรับว่า ขณะนี้มีผู้ที่เข้าร่วมประมูลออกจากห้องประมูลไปแล้วจำนวน 9 ราย จากทั้งหมด 4 บริษัทที่มีจำนวน 35 ราย เหลือ 26 ราย ขณะที่ในเวลา 11.30 น.เจ้าหน้าที่ กทค.ได้นำทีมแพทย์เข้าไปตรวจสุขภาพให้กับผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด อาทิ ตรวจความดัน ตรวจชีพจร ซึ่งโดยรวมผลตรวจเป็นปกติ
พ.อ. เศรษฐพงศ์ กล่าวเสริมว่า กทค.ไม่อาจคาดเดาราคาประมูลในครั้งนี้ แต่ในวันนี้ที่ราคารวมของทั้งสองใบอนุญาตพุ่งไปกว่า 8 หมื่นล้านบาทแล้ว ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของเศรษฐกิจประเทศไทย โดยผู้ประกอบการที่ได้ใบอนุญาตไปทั้งสองรายจะต้องนำคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ไปทำธุรกิจหลากหลาย คงไม่ใช่เพียงธุรกิจ Data หรือโทรศัพท์มือถือที่คาดว่าจะขยายเลขหมายได้อีก 3-4 เท่าเท่านั้น
แต่ธุรกิจอื่นยังไปได้อีก ซึ่งคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz มีแนวโน้มอัพเกรดเป็น 5G ในปี 63 และใบอนุญาตคลื่นนี้จะมีอายุถึง 18 ปี ซึ่งเป็นพลิกเป็นโอกาสธุรกิจ ดังนั้น รายใดได้ครองคลื่นความถี่ 1800 MHz ก่อนก็จะได้เปรียบก่อน แต่บางรายจำเป็นต้องการคลื่นความถี่ 1800 MHz ต้องการกันไม่ให้รายอื่นได้