(เพิ่มเติม) รมว.คลัง เล็งเสนอตั้ง Thailand Future Fund 1 แสนลบ.เข้าครม.ใน 2สัปดาห์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 19, 2015 12:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง คาดว่า กระทรวงการคลังจะเสนอเรื่องการจัดตั้ง Thailand Future Fund มูลค่า 1 แสนล้านบาท เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้เพื่อเป็นช่องทางระดมทุนสำหรับใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยจะเน้นการเสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่นักลงทุนสถาบันในและต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนผลตอบแทนการลงทุนนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษา

ทั้งนี้ Thailand Future Fund มูลค่า 1 แสนล้านบาท เป็นการระดมทุนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเบื้องต้นกองทุนดังกล่าวสามารถลงทุนได้อย่างเปิดกว้าง เช่น การลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้ โดยมีลักษณะการลงทุนใกล้เคียงกับกองทุนวายุภักษ์ ในระหว่างที่โครงการก่อสร้างพื้นฐานยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อให้กองทุนดังกล่าวผลตอบแทนกับผู้ถือกองทุน โดยรัฐบาลจะรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เพื่อให้นักลงทุนสถาบันซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักสามารถลงทุนได้ทั้งสถาบันในประเทศ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) และบริษัทประกันชีวิต

พร้อมกันนี้ รมว.คลัง ได้แสดงความมั่นใจว่าตลาดหุ้นไทยในปีหน้าจะดีขึ้นกว่าปีนี้แน่นอน เป็นผลมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวขึ้น หลังจากรัฐบาลออกนโยบายต่างๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการกระจายรายได้สู่ระดับฐานราก ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจปีหน้าได้เห็นการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนจากปีนี้ที่เศรษฐกิจยังชะลอตัว

"รัฐบาลพยายามขับเคลื่อนในปีนี้มาแล้วค่อนข้างเยอะ แต่ยังไม่มากนัก ทำให้การลงทุนต่างๆ จะไปกระจุกตัวอยู่ปีหน้า ไม่ว่าเมกะโปรเจ็กท์ต่างๆ และการส่งเสริมรายได้ให้กับประชาชนเป็นตัวหลักที่หนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และเรามองว่าตลาดหุ้นไทยในปีหน้าก็จะดีขึ้นจากปีนี้แน่นอน สะท้อนภาพเศรษฐกิจในบ้านเรา"รมว.คลัง กล่าว

ทั้งนี้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตฺ(สศช.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 2.9% นั้น ส่งผลสะท้อนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นตาม และทำให้นักลงทุนต่างสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกด้วย อีกทั้งปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีการพัฒนาและเปิดให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นมากกว่าในอดีต

รมว.คลัง ยังกล่าวถึงการการขยายสิทธิประโยชน์ด้านภาษีในกองทุน LTF ไปอีก 3 ปี โดยจะสิ้นสุดในปี 62 ว่า เพื่อให้นักลงทุนมีระยะเวลาที่สามารถปรับตัวได้ หลังจากในปัจจุบันตลาดทุนไทยมีการเติบโตสูง โดยมีมูลค่าตลาดมากกว่า 14 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าตลาดเงิน เช่น สถาบันการเงิน ส่งผลให้มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยมากขึ้น ซึ่งทำให้มองว่าในอนาคตไม่มีความจำเป็นในการสนับสนุนสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งควรนำเงินไปช่วยกลุ่มประชารัฐหรือที่กลุ่มมีความอ่อนแอมากกว่า

นายอภิศักดิ์ ยังกล่าวถึงรายได้รัฐที่จะได้จากการประมูลคลื่น 4G ที่มีมูลค่าสูงว่ารัฐบาลอาจนำเงินบางส่วนไปใช้ในโครงการบ้านเพื่อผู้มีรายได้น้อย รวมไปถึงการลงทุนพัฒนาระบบ National E-payment ที่จะต้องใช้งบประมาณที่สูง ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของระบบการเงินในประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ