TMB คาด กนง.รอบ 16 ธ.ค. คงดอกเบี้ยนโยบาย รับความเชื่อมั่นฟื้น

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 14, 2015 11:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี(TMB Analytics) คาดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.50 หลังความเชื่อมั่นทั้งในส่วนของผู้บริโภคและภาคธุรกิจส่งสัญญาณดีขึ้น ช่วยเกื้อหนุนการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุน
"ศูนย์วิเคราะห์ฯ มองว่าทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคและความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมจะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วไปช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกไปก่อนหน้านี้จะค่อยๆทยอยแสดงประสิทธิผล ส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศซึ่งเป็นปัจจัยถ่วงในปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ดังนั้น กนง.จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายถูกตรึงไว้ที่ร้อยละ 1.50 ในการประชุมวันที่ 16 ธันวาคมนี้" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

โดยการประชุม กนง.ครั้งก่อนเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 เนื่องจากนโยบายการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายเพียงพอ ค่าเงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่า ช่วยเกื้อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ กนง.จะรอประเมินผลการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ขณะที่การลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอาจไม่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากนัก

สำหรับสถานการณ์ของเศรษฐกิจไทย ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายๆตัว เช่น ดัชนีการบริโภคและการลงทุนในภาคเอกชน บ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจไทยผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 สะท้อนผ่านตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ หรือจีดีพีในไตรมาส 3 ซึ่งขยายตัวได้กว่าร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นการขยายตัวถึงร้อยละ 1.0 จากไตรมาส 2 (หลังปรับฤดูกาล) เครื่องยนต์ที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ยังคงอยู่ที่ภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนในภาครัฐเป็นหลัก ในทางกลับกันอุปสงค์ในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุนในภาคเอกชนยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอ

อย่างไรก็ดี อุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยหนึ่งในปัจจัยสนับสนุนมาจากการฟื้นตัวของความเชื่อมั่น ซึ่งความเชื่อมั่นในหมวดหลักๆทั้ง 3 หมวด ได้แก่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ และความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ล้วนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน หลังมีการปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในช่วงปลายเดือนสิงหาคม จนนำมาสู่การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคม เช่น การปล่อยกู้ผ่านกองทุนหมู่บ้าน มาตรการช่วยเหลือสภาพคล่องแก่เอสเอ็มอี และมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคส่งสัญญาณพลิกฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เดือนตุลาคม จากการศึกษาของศูนย์วิเคราะห์ฯ พบว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการบริโภคสินค้าคงทน เนื่องจากสินค้าคงทนส่วนใหญ่มีราคาค่อนข้างสูง เช่น รถยนต์ ดังนั้นผู้บริโภคจึงต้องมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ของเศรษฐกิจและรายได้พอสมควร ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าเหล่านี้

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากความเชื่อมั่นในหมวดนี้เป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการลงทุนในภาคเอกชน ในปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่าปี 2559 จะเป็นปีแห่งการลงทุน เนื่องจากการเร่งลงทุนจากภาครัฐจะช่วยกระตุ้นการลงทุนในภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาของศูนย์วิเคราะห์ฯ พบว่าแรงผลักดันจากการลงทุนภาครัฐเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นการเร่งลงทุนของรัฐบาลจำเป็นจะต้องทำควบคู่ไปกับการกระตุ้นความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมหากเราต้องการให้ปี 2559 เป็นปีแห่งการลงทุนอย่างที่หลายฝ่ายตั้งความหวังไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ