สำหรับความคืบหน้าการระบายข้าวของรัฐปี 2558 ปริมาณรวม 8.3 ล้านตัน มูลค่า 102,660 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.การระบายข้าวในสต็อกของรัฐ ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ที่รัฐบาล คสช. เข้ามาบริหารประเทศจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลสามารถระบายข้าวในสต็อกของรัฐได้แล้ว ปริมาณ 4.87 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 5.26 หมื่นล้านบาท และในวันที่ 21 ธันวาคม 2558 จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.) ซึ่งจะมีการทบทวนแผน วิธีการ และกรอบระยะเวลาการระบายเพื่อเร่งรัดให้สามารถระบายข้าวในสต็อกได้รวดเร็วมากขึ้น และ 2.การขายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล(Government to Government) ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ที่รัฐบาล คสช.เข้ามาบริหารประเทศจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลไทยได้มีการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลกับรัฐบาลต่างประเทศคิดเป็นปริมาณรวม 3.4 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท
ส่วนมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2558/59 นั้น รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร โดยมุ่งเน้นให้เกษตรกรเกิดความเข้มแข็ง ไม่บิดเบือนกลไกตลาด สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ เนื่องจากต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศเป็นหลัก มาตรการที่ใช้ในปัจจุบัน ประกอบด้วย 1.ลดต้นทุนการผลิต โดยลดต้นทุนด้านปัจจัยการผลิตและบริการลงไร่ละ 391 บาท แยกเป็นค่าปุ๋ยเคมี ลดราคาลงไร่ละ 40 บาท เมล็ดพันธุ์ลดราคาไร่ละ 81 บาท ค่าบริการรถเกี่ยวข้าว ลดราคาลงไร่ละ 50 บาท และค่าเช่าที่นา ลดราคาขั้นต่ำไร่ละ 200 บาท,
2.โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก(กระทรวงพาณิชย์) โดยจ่ายชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่รับซื้อข้าวจากเกษตรกรเก็บสต็อกไม่น้อยกว่า 2-6 เดือน ในอัตราร้อยละ 3 เป้าหมาย 3 ล้านตัน เพื่อดึงอุปทานออกจากตลาด ส่งผลให้ราคาตลาดข้าวเปลือกมีเสถียรภาพ โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการเก็บสต็อก 219 ราย ปริมาณ 2.298 ล้านตัน มูลค่า 26,279 ล้านบาท
3.โครงการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี (ธ.ก.ส.) โดย ธ.ก.ส. จ่ายสินเชื่อชะลอการจำหน่ายให้เกษตรกร/สหกรณ์ เป้าหมาย 2 ล้านตันข้าวเปลือกโดยใช้ข้าวเปลือกหอมมะลิ และข้าวเปลือกเหนียวเป็นหลักประกันในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วงเงินสินเชื่อข้าวหอมมะลิชนิดสีได้ต้นข้าว 36 กรัม ตันละ 13,500 บาท ข้าวเหนียว 10% เมล็ดยาว ตันละ 11,300 บาท และข้าวเหนียวคละ ตันละ 10,300 บาท โดยให้ค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกตันละ 1,000 บาท ณ วันที่ 11 ธ.ค. 58 เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ จำนวน 694 ราย ปริมาณ 5,499 ตัน วงเงิน 72.02 ล้านบาท
4.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าโดยสถาบันเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยให้สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชนรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อจำหน่ายและ/หรือเพื่อการแปรรูป รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 12,500 ล้านบาท โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ระยะเวลา ณ วันที่ 11 ธ.ค. 58 มีเกษตรกรกู้เงินแล้ว 44 สหกรณ์ วงเงิน 1,638 ล้านบาท
5.โครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือกในพื้นที่และช่วงเวลาที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองและเกษตรกรจะได้รับความเป็นธรรมด้านราคาในการชั่งน้ำหนัก การตรวจสอบคุณภาพข้าว โดยมีการจัดตลาดนัดแล้วใน 15 จังหวัด 127 ครั้ง เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 5,271 ราย โดยจะได้รับราคาที่สูงกว่าราคาตลาด ประมาณตันละ 100-200 บาท
6.โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ธ.ก.ส.) โดยเกษตรกรที่มีหนี้เงินกู้กับ ธ.ก.ส. หรือสถาบันเกษตรกร ณ วันที่ 1 เมษายน 2558 จะได้รับการลดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี จากต้นเงินกู้ไม่เกิน 80,000 บาทแรก เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน อยู่ระหว่าง ธ.ก.ส. ดำเนินการ
7.ผู้ส่งออกร่วมมือรับซื้อข้าวหอมมะลิ ฤดูกาลผลิต 2558/59 กระทรวงพาณิชย์เชื่อมโยงการรับซื้อข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ระหว่างผู้ส่งออกและโรงสีผู้ผลิต ปริมาณ 100,000 ตัน ในราคาตันละ 26,000 บาท (คิดเป็นข้าวเปลือกประมาณตันละ 13,500 บาท) ส่งมอบโกดังผู้ส่งออก ระยะเวลา ธ.ค.58-ก.พ. 59 และเก็บสต็อกไว้เพื่อทยอยระบายจำหน่ายในช่วงนอกฤดูกาล ตั้งแต่เดือน มี.ค. 59 เป็นต้นไป โดย ผู้ส่งออกเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายในการรับซื้อข้าวและค่าใช้จ่ายในการเก็บสต็อกทั้งหมด และผู้ส่งออกให้ความร่วมมือรับซื้อเพื่อเก็บสต็อกเพิ่มอีก 100,000 ตันข้าวสาร (คิดเป็นข้าวเปลือก 151,000 ตัน)
สำหรับสถานการณ์ด้านการผลิตข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59 มีประมาณ 22.98 ล้านตัน แยกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิจำนวน 6 ล้านตัน ข้าวเปลือกเหนียวจำนวน 6.74 ล้านตัน และข้าวเปลือกเจ้า จำนวน 10.24 ล้านตัน โดยข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวผลผลิตเก็บเกี่ยวใกล้เสร็จสิ้นแล้ว และออกสู่ตลาดแล้วเป็นส่วนใหญ่คงเหลือส่วนหนึ่งที่เกษตรกรเก็บไว้ทำพันธุ์ บริโภค และเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือก (จำนำยุ้งฉาง) สำหรับข้าวเปลือกเจ้าผลผลิตเริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้วในบางพื้นที่ เช่น จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย กำแพงเพชร สุพรรณบุรี และชัยนาท เป็นต้น
ขณะที่สถานการณ์ด้านการตลาด ณ 11 ธ.ค.58 ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ(ต้นข้าว 36-42 กรัม) ความชื้นไม่เกิน 15% ตันละ 10,600-13,000 บาท ข้าวเปลือกเกี่ยวสดความชื้น 25% ตันละ 9,010-11,050 บาท ข้าวเปลือกที่มีเมล็ดแดงปนมาก ข้าวป่น โรงสีรับซื้อในราคาตันละ 8,000 บาท ตามคุณภาพข้าว, ราคาข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ความชื้นไม่เกิน 15% ตันละ 12,300-13,000 บาท ความชื้น 25% ตันละ 10,455-11,050 บาท, ราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% ความชื้นไม่เกิน 15% ตันละ 7,500-8,000 บาท ข้าวเปลือกเกี่ยวสดความชื้น 25% ตันละ 6,375-6,800 บาท ความชื้น 28% ตันละ 6,037-6,440 บาท