เงินบาทปิด 36.12/14 แกว่งกรอบแคบ-ธุรกรรมเบาบางใกล้ช่วงสิ้นปี

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 21, 2015 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 36.12/14 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 36.16/18 บาท/ดอลลาร์

ตลอดทั้งวันนี้เงินบาทแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ ที่ 36.10-36.18 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากใกล้ช่วงคริสมาสต์และช่วงสิ้นปีที่การทำธุรกรรมในตลาดเริ่มเบาบาง ประกอบกับเป็นช่วงสัปดาห์หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ดังนั้นปัจจัยใหญ่ๆ ที่จะมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนในช่วงนี้จึงไม่ค่อยมีอะไรที่สำคัญมากไปจนถึงสิ้นปี

"วันนี้บาทเคลื่อนไหวน้อยมาก แกว่งแคบๆ ตลอดทั้งวัน อยู่ในกรอบ 36.10-36.18 ประกอบกับเป็นสัปดาห์หลังจากที่เฟดขึ้นดอกเบี้ย นักลงทุนก็ทำ(ซื้อ-ขาย-เก็งกำไร)ไปกันหมดแล้ว ตอนนี้ยิ่งใกล้ช่วงคริสมาสต์ปีใหม่ ตลาดเลยบางๆ ไม่มีปัจจัยอะไรใหญ่ๆ แล้ว เหลือเพียงตัวเลขเศรษฐกิจทั่วๆ ไป" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.10 - 36.20 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 121.42/43 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 121.14/19 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโร เย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.0855/0858 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.074/0878 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,264.44 ลดลง 20.48 จุด (-1.59%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 61,465 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 4,652.29 ลบ.(SET+MAI)
  • รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยแนวโน้มภาคการท่องเที่ยวปี 2559 คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 32 ล้านคน เติบโตประมาณ 8% จากปี 2558 ที่คาดว่าจะจบที่ 29.5 ล้านคน และก่อให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยว 2.3 ล้านล้านบาท และ 2.5 ล้านล้านบาทในปี 2560

สำหรับปัจจัยบวกที่มีผลต่อแนวโน้มภาคการท่องเที่ยว ปี 2559 คือ แนวโน้มการท่องเที่ยวโลกที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3-4, ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ เสถียรภาพการเมืองภายในประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนหลังเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและสกุลเงินใภูมิภาคอ่อนค่า ซึ่งจะส่งผลดีทำให้นักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นตลาดหลักของไทย ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือ ภัยก่อการร้าย ภัยสงคราม ภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ และสภาวะเศรษฐกิจจีน

  • กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าหมายการส่งออกในปี 59 ไว้ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้ 5% โดยวางยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศสำหรับปี 59-64 ไว้ 7 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 1.การเปิดประตูการค้าและขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 2.การเร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก 3.การส่งเสริมการค้าชายแดน 4.การส่งเสริมการประกอบธุรกิจและการลงทุนในต่างประเทศ 5.การปรับโครงสร้างการค้าสู่ภาคบริการ 6.การเพิ่มบทบาทของผู้ประกอบการ SMEs ในการผลักดันการค้าและสร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม และ 7.การสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมส่งออก
  • รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงการประเมินเศรษฐกิจญี่ปุ่นโดยรวม ระบุเศรษฐกิจ "ฟื้นตัวปานกลาง" โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งและผลกำไรของภาคเอกชนที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับลดการประเมินในส่วนของการลงทุนภาคสาธารณะและการก่อสร้างที่พักอาศัย ขณะที่ปรับเพิ่มการประเมินด้านการจ้างงานในรายงานประจำเดือนธ.ค.
  • สำนักงานสถิติของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเยอรมนีในเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 2.5% จากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการหดตัวลงรุนแรงที่สุดในรายปีนับตั้งแต่เดือนก.พ.53 โดยเผชิญแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง

หากไม่นับรวมหมวดพลังงานซึ่งมีความผันผวนสูง ดัชนี PPI ของเยอรมนีในเดือนพ.ย.ปรับลง 0.2% เมื่อเทียบรายเดือนและอ่อนแรงลง 0.7% เมื่อเทียบรายปี ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมนี ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป แทบไม่มีแนวโน้มจะปรับตัวขาขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ