เงินบาทปิด 36.12 อ่อนค่าหลังส่งออก พ.ย.ยังติดลบ คาดบาทพรุ่งนี้แกว่งแคบ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 28, 2015 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 36.12 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 36.08 บาท/ดอลลาร์ หลังกระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลขส่งออกเดือน พ.ย.58 ยังหดตัว โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 36.07-36.13 บาท
"หลังเปิดตลาดทรงตัว พอประกาศตัวเลขส่งออก เงินบาทก็อ่อนค่าไปทำไฮที่ระดับ 36.13(บาท/ดอลลาร์) ประกอบกับตลาดมีแนวโน้มซื้อดอลลาร์อยู่แล้ว แต่ trade balance ยังเกินดุลอยู่ ทำให้ค่าเงินบาทไม่อ่อนไปมากนัก" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 36.08-36.18 บาท/ดอลลาร์

"พรุ่งนี้น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เช่นเดิม ทั้งสัปดาห์มองว่าไม่น่าอ่อนค่าเกิน 36.20(บาท/ดอลลาร์)" นักบริหารเงิน กล่าว
  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 120.50 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 120.39 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0977 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0971 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,285.87 จุด เพิ่มขึ้น 2.94 จุด, +0.23% มูลค่าการซื้อขาย 27,840.93 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 324.42 ล้านบาท(SET+MAI)
  • นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ประเมินการส่งออกของไทยทั้งปีนี้จะใกล้เคียงกับระดับ -5.5% จากเป้าหมายอย่างเป็นทางการที่ตั้งไว้ที่ระดับ -3% ทั้งนี้เชื่อว่าการส่งออกในเดือนธ.ค.นี้คงจะไม่แย่ไปกว่าในเดือน พ.ย.ซึ่งอยู่ที่ระดับ -7.42% เนื่องจากปกติแล้วตัวเลขการส่งออกจะดีในช่วงปลายปี
  • กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศในเดือน พ.ย.58 การส่งออกมีมูลค่า 17,167 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 7.42% ขณะที่นำเข้ามีมูลค่า 16,868 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 9.53% ส่งผลให้ดุลการค้าในเดือน พ.ย.เกินดุล 299 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ย.58) การส่งออกลดลง 5.51% มีมูลค่า 197,275 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนนำเข้าลดลง 11.16% มีมูลค่า 187,041 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ดุลการค้าเกินดุล 10,233 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
  • น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน พ.ย.58 เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจบ่งชี้สัญญาณการใช้จ่ายภายในประเทศของภาคเอกชนเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจต่างๆ ได้มีการปรับตัวดีขึ้นในเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้การใช้จ่ายของรัฐบาลยังถือเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง ขณะที่ภาคการส่งออกยังคงหดตัวจากอุปสงค์ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยที่ยังอ่อนแอ
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ประเมินมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงปลายปี 2558(มาตรการช้อปช่วยชาติ) จะมีส่วนสนับสนุนให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP) ของไทยในปีนี้เติบโตได้เพิ่มขึ้นเป็น 3% จากก่อนหน้าที่คาดไว้ที่ 2.8% โดยน่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศให้เพิ่มขึ้นอีก 0.4% พร้อมคาดว่าจากช่วงเวลา 7 วัน(25 ธ.ค.-31 ธ.ค.58) ภายใต้กำหนดเวลาของมาตรการดังกล่าวจะมียอดการใช้จ่ายราว 2.25 หมื่นล้านบาท และมีประชาชนมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 50% ของจำนวนผู้เสียภาษีที่มีสิทธิ 3 ล้านคน
  • ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปิดปรับตัวลดลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตร หลังมีคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) จะเดินหน้านโยบายผ่อนคลายทางการเงินในวงกว้างต่อไป โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 341 ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว ปิดที่ 0.265% ลดลง 0.010% จากระดับปิดเมื่อวันศุกร์ ส่วนราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งมอบเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 0.010 จุด แตะ 149.03 ที่ตลาดหุ้นโอซาก้า
  • นายอามันโด เททังโก ผู้ว่าการธนาคารกลางฟิลิปปินส์ ระบุเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ในเดือน ธ.ค.อาจจะกระเตื้องขึ้นมาอยู่ในช่วง 1.1-1.9% โดยอิงกับการประเมินของธนาคารกลางที่ว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในเดือนนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนก๊าซและอาหารบางรายการที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเงินเฟ้อแตะ 0.4% ในเดือน ต.ค.และ ก.ย.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ