(เพิ่มเติม) ม.หอการค้า เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ธ.ค.อยู่ที่ 76.1 ฟื้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 7, 2016 12:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ธ.ค.58 อยู่ที่ระดับ 76.1 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 65.1

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่ 70.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 92.4

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และดีที่สุดในรอบ 7 เดือน โดยมีปัจจัยบวกจากจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ "ช็อปปิ้งเพื่อชาติ", ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับเพิ่ม GDP ในปี 58 เป็น 2.8% จากเดิม2.7% เนื่องจากเศรษฐกิจในไตรมาส 3/58 ขยายตัวสูงกว่าคาด และราคาน้ำมันในประเทศปรับตัวลดลง

ส่วนปัจจัยลบ ได้แก่ ธปท.คาดการณ์ GDP ปี 59 ที่ 3.5% ลดลงจากประมาณการเดิมเล็กน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว, การส่งออกของไทยเดือนพ.ย.ติดลบ 7.4%, ราคาพืชผลทางการเกษตร ยังอยู่ในะระดับต่ำ, เงินบาทปรับตัวอ่อนค่า, ผู้บริโภคกังวลสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลเชิงลบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐดิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การบริโภคของภาคประชาชนยังฟื้นตัวขึ้นไม่มากนักในช่วงนี้ เนื่องจากประชาชนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก

อย่างไรก็ดี คาดว่าการบริโภคน่าจะเริ่มฟื้นดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสแรกของปีนี้เป็นต้นไป และจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในช่วงกลางไตรมาสที่ 2 หลังจากที่มีเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้นในช่วงปลายปี 58 เป็นต้นไป

"ถ้าในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในแต่ละเดือนปรับตัวดีขึ้น การบริโภคก็น่าจะเริ่มเงยหัวขึ้นได้ และจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป...ไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 จะถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจไทย" นายธนวรรธน์ กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยยังคงให้มุมมองเดิมที่ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 3.5-4% เนื่องจากเชื่อว่าในปีนี้หลายประเทศทั่วโลกต่างดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในของแต่ละประเทศเอง ขณะที่ในส่วนของประเทศไทยนั้น รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการปล่อยสินเชื่อผ่านธนาคารต่างๆ การเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และเชื่อว่ารัฐบาลจะยังคงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ประกอบกับแนวโน้มภาคการท่องเที่ยวยังคงสดใส

"ไตรมาสที่ 1 เศรษฐกิจถูกเคลื่อนด้วยการท่องเที่ยว ไตรมาสที่ 2 นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งผ่านกองทุนหมู่บ้าน งบตำบล จะพยุงเศรษฐกิจไว้ เราคาดว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 และ 2 จะโตได้ 3-3.5% ส่วนไตรมาส 3 ที่จะมีการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐ และไตรมาส 4 เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น การส่งออกน่าจะดีขึ้นช่วงปลายไตรมาส 3 เราจึงมองว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ควรจะโตประมาณ 3.5-4%" นายธนวรรธน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงสูงจากภัยก่อการร้าย และปัญหาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกตกต่ำ ซึ่งจะดึงราคาพืชผลทางการเกษตรบางรายการให้ลดต่ำลงด้วย แต่หากรัฐบาลเยียวยาแก้ปัญหาภัยแล้ง เติมเงินให้เกษตรกรเพื่อนำมาใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้เร็ว ก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ตามกรอบที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินไว้ที่ 3.5-4%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ