ปลัดคลัง ห่วงภัยแล้งรุนแรง-สงคราม ลุ้น GDP ปีนี้โตได้ 3.9-4%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 11, 2016 14:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2559 นี้จะสามารถเติบโตได้ถึง 3.9-4% มากกว่าที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ประเมินไว้ว่าจะเติบโตได้ 3.8% เนื่องจากรัฐบาลได้เตรียมความพร้อมผ่านมาตรการต่างๆ ที่จะออกมาเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในแต่ละไตรมาส

"ปีนี้มีโอกาสจะโต 3.9-4% ได้ เพราะเราได้เตรียมความพร้อมไว้พอสมควร ทั้งมาตรการต่างๆ ที่จะใส่ลงไปในแต่ละไตรมาส เราดูเป็นรายไตรมาส รายเดือนว่าเงินเข้าเท่าไร กระตุ้นได้เท่าไร ถ้าไม่พอจะใส่เงินเข้าไปใหม่ไหม จะใส่อะไรเข้าไป มาตรการรายจ่าย หรือมาตรการภาษี ตรงนี้เรามั่นใจ" ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวผ่านรายการโทรทัศน์

สำหรับมาตรการจากปีก่อนที่จะมีผลต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1-2 ปีนี้ คือ การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 5 หมื่นล้านบาท, โครงการตำบลละ 5 ล้านบาท โครงการลงทุนขนาดเล็กในส่วนของภาครัฐที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ตลอดจนสินเชื่อที่ให้ผ่านธนาคารเฉพาะกิจต่างๆ ของรัฐ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเริ่มส่งผลในช่วงไตรมาส 1-2 ของปีนี้ แต่สิ่งที่พึงระวังคือ ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งที่มีการพูดกันว่าอาจจะมีความรุนแรงเทียบเท่ากับปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในปี 54

"ผู้รู้ส่วนใหญ่ก็บอกว่าจะเกิด(ภัยแล้ง) และจะแรงด้วย ประชาชน และนิคมอุตสาหกรรมอาจจะไม่มีน้ำใช้...ตอนนี้เรากำลังสรุปมาตรการ ไตรมาส 1 ช่วงก.พ.-มี.ค.ภัยแล้งก็จะมาแล้ว ชาวนาบางส่วนก็ยังปลูกข้าวกันอยู่ ทั้งๆ ที่เราเตือนแล้วว่าจะเสียหายแน่ เราก็ต้องมารองรับปัญหานี้ในกรณีที่เขาไม่มีรายได้" นายสมชัย กล่าว

ส่วนไตรมาส 3 และ 4 หรือช่วงครึ่งหลังของปี 59 ปลัดกระทรวงการคลัง เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะเริ่มสดใสขึ้นได้จากที่มาตรการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ของภาครัฐเริ่มจะเห็นผล เช่น การเริ่มก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการลงทุนในไตรมาส 3 ได้เป็นอย่างดี

"ไตรมาส 3-4 ผมไม่ห่วงเท่าไร เพราะมีเงินลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็กท์ต่างๆ รถไฟฟ้าทุกสายเริ่มลงเสาเข็ม กองทุนโครงสร้างพื้นฐานก็จะเกิดขึ้นในปีนี้ ทำให้จะมีเงินจากภาคเอกชนมาร่วมระดมทุน รวมทั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เชื่อว่าไตรมาส 3-4 เป็นไตรมาสแห่งความโชติช่วงทางเศรษฐกิจ" ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว

แต่อย่างไรก็ดี ต้องขึ้นอยู่ที่ว่าสมมติฐานในด้านอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลก และต้องไม่เกิดภาวะสงคราม อย่างไรก็ดี รัฐบาลเองได้เตรียมความพร้อมด้วยการเติบโตจากภายในเพื่อให้เศรษฐกิจไทยยังสามารถเติบโตได้ แม้จะต้องเผชิญกับปัจจัยปัญหาจากต่างประเทศ

"เรามีมาตรการรองรับไว้แล้ว ถ้าเศรษฐกิจภายนอกมีปัญหา เราจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง เติบโตจากภายใน เราคงพึ่งการส่งออกได้ไม่มากแล้ว เราจะเน้นเรื่องการลงทุนของเอกชน การบริโภคในประเทศ การอัดฉีดเงินของรัฐบาล" นายสมชัย กล่าว

สำหรับในภาคตลาดเงินตลาดทุนในปีนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง มองว่า การบริหารด้านการเงินในปีนี้อาจะไม่ใช่เรื่องง่าย ห่วงเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เติบโตได้อย่างแท้จริง แต่ได้มีการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปบ้างแล้ว ในขณะที่สวนทางกับสหภาพยุโรป ซึ่งจะทำให้กระแสเงินทุนในปีนี้ค่อนข้างมีความปั่นป่วน

ทั้งนี้ ปัญหาเงินทุนเคลื่อนย้ายจะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจในแง่ของค่าเงิน แต่เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีเครื่องมือในการดูแลดีอยู่แล้ว และมองว่าขณะนี้การเคลื่อนย้ายเงินทุนยังไม่มีความผันผวนมากนัก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการดูแลในเรื่องนี้

ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย โดยคาดว่าในช่วงปลายปีนี้มีโอกาสที่จะได้เห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ต้องการระดมเงินทุนจำนวนมาก ดังนั้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็อาจจะได้เห็นในช่วงนั้น

"ไม่แน่ อาจจะขึ้นปลายๆ ปี เพราะถ้าไตรมาส 3-4 เงินลงทุนเยอะ จะมีการแย่งเงินลงทุนกัน ดอกเบี้ยก็มีแนวโน้มขึ้นบ้างมา แต่ไม่ใช่ขึ้นแบบก้าวกระโดดมากระตุกการเติบโตของเศรษฐกิจ" นายสมชัย ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ