ภาษีมรดกมีผล 1 ก.พ. 59 สรรพากรคลอดกม.รอง-พ.ร.ฎ.-กฎกระทรวงรองรับ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 13, 2016 15:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้(12 ม.ค.) มีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เรื่อง กฎหมายลำดับรองออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.2558 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 40) พ.ศ.2558 อันประกอบด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในแจ้งการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางมรดก และอนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาฯ จำนวน 1 ฉบับ และร่างกฎกระทรวงฯ จำนวน 6 ฉบับ ดังนี้

1. การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในการแจ้งการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางมรดก

เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางมรดก ให้แจ้งการจดทะเบียนนั้นต่อกรมสรรพากร ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการรับชำระและนำส่งภาษีอากรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2542 ดังนี้

(1) ระยะเวลาในการจัดส่ง

  • สำหรับการจดทะเบียนระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 15 ให้แจ้งภายในวันที่ 20 ของเดือนเดียวกัน
  • สำหรับการจดทะเบียนระหว่างวันที่ 16 ถึงวันสิ้นเดือน ให้แจ้งภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป

(2) วิธีการนำส่ง

  • กรณีมีการจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดินในเขตกรุงเทพมหานคร ให้นำส่งต่อกรมสรรพากร สำนักงานใหญ่
  • กรณีมีการจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดินในต่างจังหวัด ให้นำส่งต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่แต่ละจังหวัด

2. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.2558 ว่าด้วยการกำหนดประเภทบุคคล หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการตรวจสอบติดตามบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีการรับมรดก ตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.2558 มีรายละเอียด ดังนี้

(1) บุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีการรับมรดก ได้แก่

  • บุคคลผู้ได้รับมรดกที่เจ้ามรดกแสดงเจตนา หรือเห็นได้ว่ามีความประสงค์ให้ใช้มรดกนั้นเพื่อประโยชน์ในกิจการศาสนา กิจการศึกษา หรือกิจการสาธารณประโยชน์
  • ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ แต่ไม่รวมถึงรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัท องค์การมหาชนหน่วยงานของรัฐที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐที่มีกฎหมายจัดตั้งโดยเฉพาะ
  • วัดวาอาราม สภากาชาดไทย มูลนิธิหรือสมาคมตามประกาศกระทรวงการคลังฯ สถาบันอุดมศึกษาเอกชนและโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
  • บุคคลหรือองค์การระหว่างประเทศตามข้อผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ องค์การสหประชาชาติ ทบวงชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ สถานเอกอัครราชทูต สถานทูต สถานกงสุลใหญ่ สถานกงสุล บุคคล ในคณะทูต บุคคลในคณะกงสุล และบุคคลที่ถือว่าอยู่ในคณะทูตตามความตกลง ตามหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติกับนานาประเทศ

(2) หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการตรวจสอบติดตามการรับมรดกของมูลนิธิหรือสมาคม มีดังนี้

  • ให้นำส่งเอกสาร ได้แก่ สำเนาพินัยกรรม เอกสารเกี่ยวกับการโอนทรัพย์สินอันเป็นมรดกตามพินัยกรรม หนังสือแจ้งผลการประกาศให้เป็นองค์การหรือสาธารณกุศล ข้อบังคับ รายงานการประชุมใหญ่ งบดุล บัญชีรายได้รายจ่าย ฯลฯ ต่อกรมสรรพากร
  • ให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารหลักฐาน รายงานประชุมงบดุล และบัญชีรายได้รายจ่าย และรายงานการดำเนินงานของมูลนิธิหรือสมาคมว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของเจ้ามรดกหรือไม่ มีการดำเนินงานในลักษณะเป็นทางค้าหรือหากำไรหรือไม่ หรือมีการหาประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่
  • กรณีตรวจสอบพบความไม่ถูกต้องครบถ้วน โดยไม่มีเหตุอันควร หรือมีการดำเนินงานไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของเจ้ามรดก ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง มีการดำเนินงานในลักษณะเป็นทางค้าหรือหากำไร หรือเพื่อหาประโยชน์ส่วนตัว มูลนิธิหรือสมาคมต้องรับผิดในการเสียภาษีการรับมรดก พร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม

3. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.2558 ว่าด้วยการกำหนดทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย ตามมาตรา 14 วรรคสามแห่งพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดกพ.ศ.2558 กำหนดให้ทรัพย์สินดังต่อไปนี้ เป็นทรัพย์สินที่อยู่ในประเทศไทย

  • อสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย
  • หลักทรัพย์ที่ออกโดยนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทยหรือจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
  • เงินฝากหรือเงินอื่นใดที่มีลักษณะอย่างเดียวกันที่เจ้ามรดกมีสิทธิเรียกถอนคืนหรือสิทธิเรียกร้องจากสถาบันการเงินหรือบุคคลที่ได้รับเงินนั้นไว้ ซึ่งอยู่ในประเทศไทย
  • ยานพาหนะที่จดทะเบียนในประเทศไทย

4. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.2558 ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์การหักภาระที่ถูกรอนสิทธิในการคำนวณมูลค่ามรดกที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา 15 (1) แห่งพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.2558 มีรายละเอียด ดังนี้

(1) ภาระที่ถูกรอนสิทธิ หมายความว่า ภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ ที่ตกติดมากับอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดกที่ต้องเสียภาษีการรับมรดก รวมถึงสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่มีการชำระค่าตอบแทนเป็นการล่วงหน้าตลอดระยะเวลาของการเช่า ที่ตกติดมากับอสังหาริมทรัพย์อันเป็นมรดกที่ต้องเสียภาษีการรับมรดก

(2) ค่าตอบแทน หมายความว่า เงินที่ได้รับล่วงหน้า เพื่อเป็นการตอบแทนจากภาระที่ถูกรอนสิทธิตลอดระยะเวลาของภาระ

  • กรณีที่เจ้ามรดกมิได้รับค่าตอบแทนใดๆ จากภาระที่ถูกรอนสิทธิ ให้คำนวณมูลค่าภาระที่ถูกรอนสิทธิจากมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับมรดก คูณด้วยอัตราส่วนลดตามจำนวนปีที่ผู้ได้รับมรดกจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์นั้นนับตั้งแต่วันที่ได้รับมรดก
  • กรณีที่เจ้ามรดกได้รับค่าตอบแทนใดๆ จากภาระที่ถูกรอนสิทธิ ให้คำนวณมูลค่าภาระที่ถูกรอนสิทธิ โดยนำค่าตอบแทนที่พึงคำนวณได้คูณด้วยอัตราส่วนลดตามที่กำหนด ทั้งนี้ ค่าตอบแทนที่พึงคำนวณได้ หมายถึง ค่าตอบแทนเฉลี่ยเป็นรายปีตามกำหนดเวลาที่ถูกรอนสิทธิ คูณระยะเวลาที่ผู้ได้รับมรดกจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์นั้น นับตั้งแต่วันที่ได้รับมรดก

ทั้งนี้ อัตราส่วนลดตามจำนวนปีที่ผู้ได้รับมรดกจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์คำนวณจากมูลค่าปัจจุบันสุทธิ ( Net Present Value: NPV) ของอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกรอนสิทธินั้น

5. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. .... ว่าด้วยการคำนวณมูลค่าของทรัพย์สิน ตามมาตรา 15 (3) แห่งพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.2558 มีรายละเอียด ดังนี้

(1) การคำนวณมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งตั้งอยู่ในต่างประเทศ ให้ใช้ราคาตลาดในวันที่ได้รับมรดก

(2) การคำนวณมูลค่าของทรัพย์สินที่เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ถือตามราคาหรือมูลค่าอันพึงมีในวันที่ได้รับมรดก เว้นแต่

(2.1) หุ้นของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ถือมูลค่าหุ้นเท่ากับมูลค่าทางบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับกรรมสิทธิ์ในหุ้น

(2.2) ตั๋วเงินคลัง พันธบัตร ตั๋วเงิน หุ้นกู้ ให้ใช้ราคาที่จำหน่ายในครั้งแรกหรือราคาไถ่ถอนแล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า

(3) การคำนวณมูลค่าของทรัพย์สินที่เป็นยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียนให้ถือเอาราคาตลาดในวันที่ได้รับมรดก

(4) การคำนวณมูลค่าของเงินฝากหรือเงินอื่นใดที่มีลักษณะอย่างเดียวกันที่เจ้ามรดกมีสิทธิเรียกถอนคืนหรือสิทธิเรียกร้องจากสถาบันการเงินหรือบุคคลที่ได้รับเงินนั้นไว้ ให้ถือเอาตามมูลค่าในวันที่ได้รับมรดกนั้น

6. ร่างพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.2558 ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการผ่อนชำระภาษีการรับมรดก พ.ศ. .... ตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ.2558 มีรายละเอียด ดังนี้

(1) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในกำหนดเวลา สามารถยื่นคำร้องขอผ่อนชำระภาษีภายในเวลาไม่เกิน 5 ปี

(2) ผู้ขอผ่อนชำระยื่นคำร้องขอผ่อนชำระภาษีตามแบบที่อธิบดีกำหนด พร้อมกำหนดวิธีการผ่อนชำระภาษี โดยการกำหนดจำนวนปี จำนวนงวด และจำนวนเงินที่จะต้องชำระในแต่ละงวด

(3) ผู้ขอผ่อนชำระต้องจัดหาหลักประกันที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าภาษีที่ต้องชำระ ภายใน 30 วันนับแต่วันยื่นคำร้อง

(4) กรณีผ่อนชำระภาษีภายใน 2 ปี ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม กรณีผ่อนชำระภาษีเกินกว่า 2 ปีต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 0.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือน โดยคำนวณเงินเพิ่มตั้งแต่วันที่การขอผ่อนชำระมีผลบังคับ หากผู้ผ่อนชำระภาษีนำเงินมาชำระภาษีครบถ้วนภายใน 2 ปี ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียเงินเพิ่มและให้นำเงินเพิ่มที่ชำระแล้วมาหักออกจากภาษีที่ต้องชำระ

(5) กรณีผิดนัดไม่ชำระภาษีงวดใดงวดหนึ่ง จะหมดสิทธิการผ่อนชำระภาษีและต้องชำระภาษี ที่ค้างอยู่พร้อมกับเงินเพิ่ม

7. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 40) พ.ศ.2558

บุคคลผู้ได้รับมรดกที่เจ้ามรดกแสดงเจตนาหรือเห็นได้ว่า มีความประสงค์ให้ใช้มรดกนั้นเพื่อประโยชน์ในกิจการศาสนา กิจการศึกษา หรือกิจการสาธารณประโยชน์

8. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร

ยกเลิกการยกเว้นเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของตนโดยไม่มีค่าตอบแทน บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว ไม่รวมถึงบุตรบุญธรรมตาม (18) ของข้อ 2 แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ 126 (พ.ศ.2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก มีผลบังคับตั้งแต่เดือน ส.ค.58 แต่กฎหมายให้เวลา 180 วัน ถึงเริ่มมีการเก็บจริง โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.59 และเมื่อการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ล่าสุด ได้เห็นชอบให้กรมสรรพากรออกกฎหมายลำดับรอง โดยเป็นพระราชกฤษฎีกา 1 ฉบับ และกฎกระทรวง 6 ฉบับ เพื่อกำหนดการเก็บภาษีมรดกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ โดยผู้รับมรดกส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท ต้องเสียภาษีการรับมรดก หากผู้รับเป็นผู้สืบสันดานจะเสีย 5% และผู้รับเป็นบุคคลภายนอกเสีย 10% สำหรับทรัพย์สินที่นำมาคิดการเสียภาษีรับมรดกมี 4 ประเภท คือ อสังหาริมทรัพย์, หลักทรัพย์, เงินฝาก และยานพาหนะที่จดทะเบียนในประเทศไทย โดยหลักอสังหาริมทรัพย์และหลักทรัพย์ให้ใช้ราคาตลาดวันที่ผู้รับมรดกรับโอนทรัพย์สิน

อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรให้ผู้รับมรดกสามารถผ่อนการเสียภาษีได้ 5 ปี หากผ่อนไม่เกิน 2 ปี ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่หากเกิน 2 ปี ต้องเสียดอกเบี้ย 0.5% ปี

ทั้งนี้ กฎหมายยกเว้นผู้รับมรดกและไม่ต้องเสียภาษี ได้แก่ ส่วนราชการ วัดวาอาราม สภากาชาดไทย มูลนิธิหรือสมาคมตามประกาศกระทรวงการคลัง สหประชาติ สถานทูต และบุคคลที่ได้รับมรดกที่เจ้าของมรดกแสดงเจตนาให้นำไปใช้เพื่อประโยชน์ด้านศาสนา การศึกษา และกิจการสาธารณประโยชน์ ซึ่งในส่วนนี้กรมสรรพากรจะตรวจสอบว่าผู้ได้รับมรดกทำตรงตามความต้องการหรือไม่ หากไม่ตรงวัตถุประสงค์ก็จะเก็บภาษีมรดกย้อนหลังไปถึงวันที่ได้รับมรดกทันที


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ