(เพิ่มเติม) เงินบาทเปิด 36.30/32 แกว่งแคบขาดปัจจัยใหม่หนุน รอดูตัวเลขศก.สหรัฐฯคืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 15, 2016 11:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 36.30/32 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 36.30/35 บาท/ดอลลาร์ ล่าสุดเงินบาทอยู่ที่ระดับ 36.28/30 บาท/ดอลลาร์
"ประเด็นของทาง US ดอลลาร์ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแย่กว่าที่คาด ดาวโจนส์ก็พุ่งมาค่อนข้างเยอะ ราคาน้ำมันก็ขยับขึ้นมาด้วย แต่สกุลเงินบาทเมื่อคืนอ่อนค่าไปพอสมควรแต่เช้านี้ก็กลับมาใกล้เคียงราคาปิดเมื่อวาน และยังแกว่งแคบ คงต้องรอดูปัจจัยใหม่ๆ" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.20-36.35 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยใหม่ที่ตลาดรอคือประเด็นเกี่ยวกับประเทศจีน และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 36.3050 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(14 ม.ค.) อยู่ที่ 1.54521% และ THAI BAHT FIX 6M(14 ม.ค.) อยู่ที่ 1.60282%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 118.02 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 117.70/118.00 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0870 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.0890/0915 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 36.3100 บาท/ดอลลาร์
  • นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยภายหลังลงนามความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อนำร่องตั้งกองทุนร่วมลงทุนกองแรกวงเงิน 500 ล้านบาท ตามนโยบายรัฐบาล ที่กำหนดให้สถาบันการเงินของรัฐ 3 แห่ง จัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนรวมแห่งละ 2 พันล้านบาท
  • ก.ล.ต.เข้มเกณฑ์ลงโทษผู้บริหารอินไซเดอร์-ปั่นหุ้น เล็งแบล๊กลิสต์ ยุติบทบาทเหมือนสถาบันการเงิน คาดปีนี้ได้เห็น ทบทวนเกณฑ์เอฟเอ ไม่ให้ที่ปรึกษาการเงินเข็นบริษัทลูกหนี้เข้าตลาด นำเงินจ่ายธนาคารแม่
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เผยแพร่ข้อมูลการเรียกเก็บเงินตามเช็คระหว่างธนาคารล่าสุดพบว่าในช่วงปี 2558 มีปริมาณเช็คทั้งสิ้น 71.04 ล้านฉบับ คิดเป็นมูลค่า 37.44 ล้านล้านบาท ปริมาณและมูลค่าหดตัว 2.3% และ 1.4% เทียบกับปี 2557 ตามลำดับ ขณะเดียวกันเช็คคืนรวมมีทั้งสิ้น 1.13 ล้านฉบับ มูลค่า 222,000 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนมูลค่าเช็คคืนรวมต่อเช็คเรียกเก็บรวมเพิ่มขึ้น 0.6% จากปีก่อน และมีเช็คคืนไม่มีเงิน (เช็คเด้ง) ทั้งสิ้น 799,000 ฉบับ คิดเป็นมูลค่า 112,000 ล้านบาท จึงมีสัดส่วนมูลค่าเช็คเด้งต่อเช็คเรียกเก็บรวมเพิ่มขึ้น 0.3% จากปีก่อน
  • 4 แบงก์ใหญ่ไม่ห่วงเศรษฐกิจจีนชะลอ เดินหน้าขยายธุรกิจ "บัณฑูร" คาดกสิกรไทย ได้รับอนุมัติใบอนุญาตในปีนี้ ด้านไทยพาณิชย์ มั่นใจ ลงทุนระยะยาว ส่วน "กรุงไทย-กรุงเทพ" ระมัดระวังปล่อยกู้มากขึ้น ขณะธปท.เตรียมซื้อเงินหยวน หลังทางการจีนอนุมัติ
  • เวิลด์อีโคโนมิกฟอรัม เปิดเผยรายงานความเสี่ยงโลกประจำปี 2016 พบความเสี่ยงที่กังวลต่อการทำธุรกิจในไทยมากที่สุดอันดับ 1 คือ ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ ตามมาด้วยความเสี่ยงจากภาวะช็อกราคาพลังงานที่ถูกลง หายนะทางธรรมชาติที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ และความล้มเหลวทางธรรมาภิบาลของประเทศ อาทิ คอร์รัปชั่น อาชญากรรม และสุญญากาศทางการเมือง
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 2.4% ปิดที่ 31.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 2.4% ปิดที่ 31.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 13.5 ดอลลาร์ หรือ 1.24% ปิดที่ระดับ 1,073.60 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากตลาดหุ้นที่มีเสถียรภาพและการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันได้ช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนมีความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 284,000 ราย และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 275,000 ราย
  • นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์ หลุยส์ กล่าวว่า การดิ่งลงครั้งใหม่ของราคาน้ำมันอาจส่งผลกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของเฟด และทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป
  • รายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 3 ธ.ค. พบว่า คณะกรรมการของ ECB มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปในการประชุมเกี่ยวกับความรุนแรงของผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนและตลาดเกิดใหม่อื่นๆที่จะมีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป ผลจากความเห็นที่แตกต่างกันดังกล่าวทำให้ ECB มีมติออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่มากเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์กันไว้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ