"แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา โดยเฉพาะในตลาดหลัก เช่น ตลาดยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น แต่ก็ยังมีช่องทาง และโอกาสทางการค้าสำหรับสินค้า และบริการบางชนิดที่ยังมีความต้องการอยู่ ช่องว่างสำหรับสินค้าดังกล่าว ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่มีเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมใหม่ๆ สินค้าเฉพาะอย่าง รวมทั้งอาหารปลอดสารพิษ" นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าว
โดยที่ผ่านมา สำนักงานส่งเสริมการค้าของกระทรวงพาณิชย์ในประเทศฝรั่งเศส ได้ประสานงานการนัดหมายให้บริษัทผู้นำเข้ารถยนต์ในฝรั่งเศส คือ บริษัท AAC Chauffeurs ให้พบกับบริษัทผู้ผลิตรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าจากประเทศไทย ล่าสุดบริษัทมีการนำเข้ารถดังกล่าวเพื่อไปจดทะเบียนพาหนะในฝรั่งเศส หลังจากนั้นบริษัทจะนำไปเป็นตัวอย่างเพื่อรับการสั่งซื้อต่อเนื่องโดยมีประเทศเป้าหมายในยุโรปราคาจะอยู่ที่ประมาณคันละ 8,000 ยูโร หรือประมาณกว่าสามแสนบาท การใช้งานจะเป็นรถวิ่งระหว่างโรงแรม, สนามกอล์ฟ และในเมืองท่องเที่ยว คาดว่าความต้องการในอนาคตจะมีจำนวนมาก โดยเฉพาะในเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพราะใช้พลังงานสะอาด ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขนาดของคันกะทัดรัด สามารถลัดเลาะไปตามถนนเล็กได้ นับเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เป็นสินค้ามูลค่าเพิ่มของประเทศไทย ในแง่การขยายการส่งออกจะเห็นว่าในช่วง 11 เดือนแรกไทยส่งออกยานยนต์มีมูลค่ากว่า 570,000 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.8 ในอนาคตเชื่อว่ารถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าพลังงานสะอาดนี้จะมีส่วนในการขยายมูลค่าการส่งออกจากประเทศให้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังจะมีส่วนช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอื่นๆ เช่น ยางล้อรถยนต์ แผ่นยางปูพื้น ไฟรถยนต์ อะไหล่ และประดับยนต์อื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่เป็นทั้งสินค้าที่มีนวัตกรรม( Product Innovation) และสินค้าที่มีนวัตกรรมด้านการออกแบบ(Design Innovation) ตัวอย่างนวัตกรรมการแปรรูปเศษเหลือใช้ประเภทข้อต่อกระดูกไก่ เอ็น นำมาป่นและผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ส่งไปขายที่ประเทศเยอรมนีเพื่อนำไปเป็นส่วนผสมของอาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยโรคไขข้อ อีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่น่าสนใจคือ อุตสาหกรรมเกี่ยวกับความงาม โดยใข้สมุนไพรไทย นำมาสกัด และแปรรูปเป็นเครื่องสำอางค์ รวมทั้งอาหารเสริม ซึ่งสมุนไพรไทยหลายชนิดได้รับการยอมรับและเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ นอกจากสมุนไพรแล้ว สินค้าเกษตร เช่น ข้าว แป้งมันฯลฯ ก็สามารถนำมาแปรรูปเป็นเครื่องสำอาง เช่น ข้าวนำมาแปรรูปและผ่านกระบวนการ ทำเป็นลิปติกจากข้าว แป้งทาหน้า สบู่ และครีมทาผิว เป็นต้น รวมทั้งใช้ทำผ้าปิดแผล ทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่แผล และไม่ติดแผลเมื่อลอกออก ทำให้เนื้อเยื่อที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ไม่ถูกทำลาย
"เมื่อนำนวัตกรรมมาช่วยในการแปรรูปแล้วจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกหลายเท่า และเชื่อมั่นว่าในอนาคตความต้องการสินค้าประเภทที่ใช้กับผู้สูงอายุ คนป่วย คนพิการ สินค้าพลังงานสะอาด สินค้าปลอดสารพิษ รวมทั้งสินค้าเพื่อช่วยในการพัฒนาการของร่างกาย จะเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง และมีมูลค่าเพิ่มสูง" นางอภิรดี กล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีสำนักงานผู้แทนประจำอยู่ในประเทศทั่วโลกจำนวน 65 แห่ง และพร้อมที่จะหาช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆของไทย โดยในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ จะเน้นเรื่องของการนำคณะนักธุรกิจในกลุ่มยางพารา และอุตสาหกรรมแปรรูปยางมาพบปะกับภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะในเรื่องของการแปรรูปเป็นสินค้าใหม่ๆ เพื่อช่วยให้เกษตรสามารถขายวัตถุดิบได้ในราคาที่สูงขึ้น
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในอนาคตกระทรวงพาณิชย์จะต้องทำงานใกล้ชิดกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(NIA) และเอกชน เพื่อนำผลงานวิจัยมาต่อยอดทางการค้า เนื่องจากที่ผ่านมามีผลงานวิจัยหลายเรื่องที่เอกชนไทยสามารถทำได้ แต่ไม่สามารถนำไปผลิตจำนวนมากเพื่อการค้าได้ ทำให้ไทยเสียโอกาสในการเพิ่มมูลค่าสินค้าหลายๆ ชนิด