นอกจากนี้ กบง.ยังเห็นชอบโรดแมพก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) โดยเปิดทางให้ผู้ค้ารายอื่นสามารถนำเข้านอกเหนือจากปตท. เพื่อให้มีการแข่งขันเสรีมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นผู้ค้ารายใหม่นำเข้า LPG โดยเร็วที่สุด ซึ่งล่าสุดมีผู้สนใจหลายรายเข้ามาสู่ธุรกิจดังกล่าว ซึ่งรวมถึงบมจ.บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) ด้วย
"ที่ประชุมกบง.มีมติให้ลอยตัวราคา NGV แบบมีเงื่อนไข ซึ่งการลอยตัวเป็นผลพวงจากการประมาณการราคาเนื้อก๊าซ NGV ที่ลดลงต่อเนื่องในปี 58 และคาดว่าจะลดลงอีกในปี 59 จากการที่คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในระดับต่ำ 30-40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาเนื้อก๊าซที่เป็นต้นทุนของ NGV ก็จะลดลงด้วย แต่การลอยตัวเป็นแบบมีเงื่อนไขที่จะให้ปตท. ซึ่งเป็นผู้ค้ารายใหญ่ทำกลไกดูแลในช่วง 6 เดือน ถ้าเดือนใดต้นทุนกลับขึ้นมาเกิน 13.50 บาทก็ให้ปตท.เป็นผู้ดูแลส่วนที่ขึ้นมา"นายทวารัฐ กล่าว
นายทวารัฐ คาดว่าในช่วงระหว่าง 6 เดือนนี้ราคา NGV มีโอกาสที่จะลดลงจากระดับ 13.50 บาท/กก.ในปัจจุบัน ซึ่งจะมีการประกาศราคาในทุกเดือน เนื่องจากจะมีการรายงานราคาเนื้อก๊าซ ที่ประกอบสูตรราคา NGV ทุกวันที่ 16 ของทุกเดือน โดยราคาเนื้อก๊าซในเดือนธ.ค. 58 ซึ่งจะใช้เป็นราคา NGV สำหรับเดือนม.ค.นั้น อยู่ที่ระดับ 13.92 บาท/กก. และราคาต้นทุนในเดือนม.ค.ล่าสุด ซึ่งจะใช้เป็นราคา NGV สำหรับเดือนก.พ. อยู่ที่ 13.65 บาท/กก. ส่วนราคา NGV สำหรับรถสาธารณะนั้น ยังคงตรึงอยู่ที่ระดับ 10 บาท/กก. ซึ่งในส่วนนี้ปตท.ก็จะเข้ามาช่วยดูแลเช่นกัน
ในอนาคตภาครัฐจะใช้กลไกถาวรเข้ามาดูแลราคา NGV ทั้งในส่วนของรถสาธารณะ และรถเฉพาะกลุ่ม ซึ่งจะบรรจุไว้ในวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งของพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฉบับใหม่ ซึ่งหากกลไกถาวรใช้ได้เมื่อใดก็จะนำมาใช้ต่อเนื่องจากปัจจุบันที่มอบหมายให้ปตท.ดูแลอยู่
"เดือนมกราคมจะรู้ราคาเนื้อก๊าซของเดือนธันวาคม ฉะนั้นเดือนกุมภาพันธ์ที่จะเป็นเดือนแรกที่จะมีสูตรลอยตัวเข้ามาเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ถ้าสมมติ ณ วันนั้นราคาเนื้อก๊าซลด NGV ขายปลีกก็ต้องลง แต่ถ้า ณ วันนั้นราคาเนื้อก๊าซไม่ลด หรือกระดกขึ้นนิดหน่อยราคาขายปลีกก็ยังอยู่ที่ 13.50 บาทเหมือนเดิม"นายทวารัฐ กล่าว
นายทวารัฐ กล่าวว่า ที่ประชุมกบง.ยังเห็นชอบกรอบโรดแมพการให้ธุรกิจ LPG มีการแข่งขันที่เสรีมากขึ้น เพื่อนำไปสู่ต้นทุนจริงที่ชัดเจนมากกว่าที่รัฐบาลกำหนด แม้ปัจจุบันธุรกิจ LPG จะเปิดค้าเสรีบ้างแล้ว แต่ราคายังถูกควบคุมอยู่ซึ่งมาจาก 3 แหล่ง ได้แก่ โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ,โรงกลั่น และการนำเข้า โดยตามโรดแมพจะแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นแรกจะยกเลิกมาตรการที่ไม่เอื้ออำนวยให้มีผู้นำเข้ารายที่ 2 เช่น การจ่ายเงินชดเชยการนำเข้าที่ใช้เวลานานเนื่องจากมีขั้นตอนตรวจสอบเอกสาร 75-90 วัน ,การให้ปตท. ซึ่งเป็นเจ้าของสาธารณูปโภคหลักของการนำเข้า LPG ทั้งในส่วนของท่าเรือ และคลังก๊าซฯ เปิดให้บุคคลที่สามเข้ามาใช้บริการได้ โดยคิดค่าบริการ ,ยกเลิกการชดเชยค่าขนส่งไปยังคลังภูมิภาค โดยคาดว่าการปลดล็อกข้อจำกัดต่างๆในขั้นตอนแรกจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.
ขั้นตอนที่สอง เมื่อมีเอกชนนำเข้า LPG มากกว่า 1 รายแล้ว สนพ.ก็จะติดตามระดับการแข่งขัน ซึ่งราคา LPG ที่ควบคุมไว้ที่ระดับราคาตลาดโลก (CP)+85 เหรียญสหรัฐ/ตัน สำหรับราคานำเข้า ก็จะมีการพิจารณาปรับปรุงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นระดับราคา CP+X โดย X ขึ้นอยู่กับระดับการแข่งขันซึ่งจะทำให้ต้นทุนลดลง ซึ่งในช่วงนี้จะเชิญชวนให้มีผู้นำเข้าเพิ่มมากขึ้นซึ่งเมื่อมีมากกว่า 2 รายขึ้นไปแล้ว ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่สาม ที่กรมธุรกิจพลังงานจะพิจารณาประมูลสิทธิ (Bidding) ในการนำเข้า และขั้นตอนที่ 4 คาดว่าจะนำไปสู่การค้าเสรีเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นการนำเข้าในราคาที่แข่งขันได้ ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจที่จะนำเข้า LPG เข้ามาอยู่หลายรายจากปัจจุบันมีเพียงปตท.ที่เป็นผู้นำเข้าเพียงรายเดียวเท่านั้น
ส่วนการปรับสูตรราคา LPG หน้าโรงกลั่นนั้น เป็นอีกประเด็นหนึ่งแต่ที่ประชุมกบง.วันนี้ไม่ได้มีการพิจารณา โดยสูตรราคาโรงกลั่นยังคงเป็นไปตามปกติ แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงก็สามารถสอดแทรกเข้าไปในขั้นตอนโรดแมพดังกล่าวได้ ขณะที่คาดว่าจะเห็นเอกชนรายใหม่นำเข้า LPG โดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่สามารถกำหนดช่วงเวลาได้ในขณะนี้
นอกจากนี้ที่ประชุมกบง. ยังมีมติให้ปรับเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ,แก๊สโซฮอล์ 95 ,แก๊สโซฮอล์ 91 และดีเซล อีก 60 สตางค์/ลิตร ยกเว้น E20 และ E85 ที่จะไม่มีการเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่ม โดยให้มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ซึ่งการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯครั้งนี้จะไม่ทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกเปลี่ยนแปลงไป แต่จะเป็นกลไกที่ให้ค่าการตลาดน้ำมันของผู้ค้าน้ำมันอยู่ในระดับที่มีความเหมาะสมและเพียงพอ ไม่สูงจนเกินไป และยังทำให้ส่วนต่างระหว่างแก๊สโซฮอล์ E10 และ E20 เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.40 บาท/ลิตร เป็นเกือบ 3 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณของเรื่องการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นด้วย
ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ม.คง อยู่ที่ 42,225 ล้านบาท แบ่งเป็น กองทุนส่วนที่เก็บจากน้ำมัน ที่ 34,944 ล้านบาท และส่วนทีเก็บจาก LPG อยู่ที่ 7,281 ล้านบาท ซึ่งหลังการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันครั้งนี้ จะทำให้มีเงินไหลเข้าเฉลี่ย 1,152 ล้านบาท/เดือน
ด้านนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวว่า ขณะนี้มีเอกชนหลายรายสนใจนำเข้า LPG ซึ่งรวมถึงกลุ่มสยามแก๊สฯด้วย ขณะที่การปรับสูตรราคา LPG หน้าโรงกลั่นน้ำมันนั้น จะมีการหารือกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า โดยกลุ่มโรงกลั่นต้องการให้ภาครัฐปรับสูตรราคา LPG จากปัจจุบันที่อยู่ระดับราคา CP-20 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ภาครัฐต้องการให้กลุ่มโรงกลั่นหันมาผลิต LPG เพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 15-20% จากปัจจุบันที่โรงกลั่นสามารถผลิตได้รวมกันราว 1.5 แสนตัน/เดือน เป็น 1.7 แสนตัน/เดือน ซึ่งจะเป็นการลดการนำเข้า LPG ในอนาคต ขณะที่ไทยมีการนำเข้า LPG ราว 8 หมื่นตัน/เดือน