ปัจจัยที่ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่ามาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก และผลประชุมของธนาคารกลางยุโรป(ECB)ที่ส่งสัญญาณแรงว่าจะมีการนำมาตรการ QE ออกมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจราวเดือน มี.ค.58 ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ช่วงดังกล่าวที่จะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(FED) จะกดดันเรื่องที่จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยากขึ้น
นักบริหารเงิน คาดสัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 35.80-36.25 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 118.23 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 117.60 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0837 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0850 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,268.03 จุด เพิ่มขึ้น 22.42 จุด, +1.80% มูลค่าการซื้อขาย 43,474.45 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 815.20 ล้านบาท(SET+MAI)
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุว่า ค่าเงินบาทอาจชะลอการอ่อนค่าลงได้ในระยะสั้น หากการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB เป็นการพยุงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดการเงินในระยะนี้ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงของตลาดการเงินโลกที่ยังมีอยู่จากทั้งราคาน้ำมันและค่าเงินหยวน รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่า ทั้งนี้ ยังคงประมาณการค่าเงินบาทในช่วงสิ้นปีไว้ที่ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
- ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มประมวลรัษฎากร(ฉบับที่...) พ.ศ...(มาตรการปรับลดภาษีอัตราเงินได้นิติบุคคลเป็นการถาวร) ประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมาย ด้วยคะแนน 160 เสียง โดยสาระสำคัญของกฎหมายฉบับดังกล่าว คือ แก้ไขเพิ่มเติมบัญชีอัตราภาษีเงินได้ สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นอัตราร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจากในอัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
- กระทรวงพาณิชย์จีน เผยการบริโภคภายในประเทศจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2559 โดยการบริโภคซึ่งคิดเป็น 66.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ของจีน ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งขึ้นในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ เนื่องจากการปฏิรูปภาวะอุปทานเริ่มเห็นผล
- กระทรวงทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคมของจีน เผยอัตราการจ้างงานในปี 2558 ยังมีเสถียรภาพ แม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัว แต่ไม่มีการปลดพนักงานครั้งใหญ่แม้บางภาคส่วนจะปรับลดพนักงานลง โดยอัตราว่างงานในเมืองใหญ่ของจีนอยู่ที่ 4.05% ณ สิ้นปี 2558 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปจากสถิติเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้
- นายทาโร อาโสะ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ได้ให้คำมั่นเพื่อดำเนินการปรับขึ้นภาษีบริโภคเป็น 10% ในเดือนเม.ย.ปีหน้า เพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นจากนานาประเทศตามแผนฟื้นฟูภาวะการคลังของญี่ปุ่น
- นายจอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังคาดเศรษฐกิจจีนจะเผชิญกับภาวะฮาร์ดแลนดิ้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดแรงกดดันด้านเงินฝืดทั่วโลก เนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมันและการแข่งขันกันปรับลดค่าเงิน นอกจากนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะเงินฝืด และผู้บริโภคแทบจะไม่สามารถรับมือกับต้นทุนการกู้ยืมและการใช้จ่ายที่สูงขึ้นได้ ทั้งนี้คาดว่า ปี 2559 จะเป็นปีที่ยากลำบาก โดยตลาดการเงินจะอ่อนแรงลงอีก
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของไต้หวัน เผยอัตราว่างงานในปี 2558 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.78% ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2543 โดยปรับตัวลดลงจากปี 2557 ที่ระดับ 3.96% สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดแรงงานของไต้หวันยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่จำนวนคนว่างงานในไต้หวันในปี 2558 อยู่ที่ 440,000 ราย เทียบกับจำนวนของผู้ที่มีงานทำซึ่งอยู่ที่ 11.2 ล้านราย
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปรับตัวลดลง 40 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 10,220 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,099.85 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 4.3 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/7.8 ดอลลาร์ฮ่องกง