ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 36.00-36.30 บาท/ดอลลาร์ฯ ในสัปดาห์หน้า(25-29ม.ค.)โดยอาจต้องจับตาข้อมูลการส่งออกและเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนธ.ค. ของไทย ตลอดจนผลการประชุมเฟด (26-27 ม.ค.) และผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (28-29 ม.ค.) ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย. ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายเดือนธ.ค. จีดีพีประจำไตรมาส 4/58 ตลอดจนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี PMI เขตชิคาโก และ PMI ภาคบริการขั้นต้นเดือนม.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนน่าจะยังให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ตลาดการเงินของจีนอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ใกล้ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยสามารถล้างช่วงอ่อนค่าที่ทำไว้ตั้งแต่ต้นปี 2559 ได้เกือบทั้งหมด โดยเงินบาทและสกุลเงินอื่นในเอเชียดีดตัวแข็งค่าขึ้นโดยเฉพาะในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่า ECB กำลังเตรียมผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ขณะที่ เงินริงกิตได้รับแรงหนุนจากมติของธนาคารกลางมาเลเซียที่ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลงมาที่ 3.50% นอกจากนี้ ยังมีแรงซื้อคืนสินทรัพย์เสี่ยงตามการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก และการปรับโพสิชั่นก่อนการประชุมนโยบายการเงินของสหรัฐฯ และญี่ปุ่นในสัปดาห์ถัดไปด้วยเช่นกัน
สำหรับในวันศุกร์ (22 ม.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 36.02 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 36.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันพุธก่อนหน้า (15 ม.ค.)