นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.51 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ
35.54/56 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่า
"เงินบาทแข็งค่าตามภูมิภาคหลังมีแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไรออกมา เพื่อรอตัวเลขจ้างงานสหรัฐคืนวันศุกร์" นักบริหาร
เงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.45-35.55 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.74 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 114.31/35 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0870 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0863/0867 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.6000 บาท/
ดอลลาร์
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ตั้ง 4 คณะทำงานย่อย ดึงซีอีโอระดับหัวกะทิช่วยขับเคลื่อนจูงใจต่าง
ชาติ ลงทุนกลุ่มธุรกิจเป้าหมาย อาหาร การเกษตรขั้นสูง เทคโนโลยีชีวภาพ พร้อมโชว์ เดือน ม.ค.มียอดเอฟดีไอกว่า 20,000
ล้าน เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว ด้านอมตะลั่นพร้อมหนุนนโยบายรัฐ
- กรมเชื้อเพลิงฯ เร่งสรุปแนวทางบริหารสัมปทานปิโตรเลียมที่จะหมดอายุ ระบุสำรองปิโตรเลียมเหลือไม่ถึง 5 ปี
พยายามยืดอายุให้นานที่สุด เล็งใช้ก๊าซแอลเอ็นจีเข้ามาทดแทนก๊าซในประเทศ ตั้งเป้าลดลง 200-300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน พร้อม
หาทางออกลดผลกระทบต่อรายได้ผู้รับสัมปทาน
- นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สำนักงาน เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง เปิด
เผยว่า กระทรวงการคลังได้รายงานสถานการณ์หนี้ครัวเรือนและลดภาระหนี้ครัวเรือนและหนี้นอกระบบให้ ที่ประชุม ครม.รับทราบ
โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ไตรมาส 3 ปี 2558 อยู่ที่ 81.1% ถือว่าอยู่ในระดับ ทรงตัวหลังจากเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 8
ปีที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นหนี้ครัวเรือนมาจากนโยบายรถยนต์คันแรก บ้านหลังแรก และการใช้บัตรเครดิต แบ่งเป็นหนี้ซื้อ ที่อยู่อาศัย
27.1% เป็นเอ็นพีแอล 3.4% หนี้ซื้อรถยนต์ 15.1% เป็นเอ็นพีแอล 1.4% ซึ่งมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบ ฐานะการเงินของสถาบัน
การเงิน ส่วนบัตรเครดิตอยู่ที่ 2.5% เอ็นพีแอล 3.4% และหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค 3% เอ็นพีแอล 5.2% ทั้งหนี้บัตรเครดิตและ
อุปโภคบริโภคถือเป็นสัดส่วนที่มีความเสี่ยงต่อระบบสถาบันการเงินค่อนข้างสูง ซึ่งมั่นใจธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาตรการ
กำกับดูแลอยู่แล้ว
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยในรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ของสหรัฐมีการขยายตัวเป็นส่วนใหญ่ในช่วงตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.จนถึงปลายเดือนก.พ. โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่
เพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่ามีผลกระทบเพิ่มมากขึ้นจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงและดอลลาร์ที่แข็งค่า ซึ่งส่งผลให้ภาคส่วน ต่างๆมีการปรับตัวในทิศทางที่แตกต่างกัน
- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลัง
จากที่ปรับตัวแข็งแกร่ง ขณะที่กระแสการเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงได้กลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง โดยค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์
สหรัฐที่ระดับ 1.0866 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0865 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่
113.46 เยน จาก 114.06 เยน
- กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ โดยจะเป็นตัวเลขการจ้างงานรวม
ทั้งภาครัฐและเอกชน ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำ
เดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 151,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะ
ทรงตัวที่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2008
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนในเดือนก.พ. ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน ลดลงสู่ระดับ 51.2
จาก 52.4 ในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มการเติบโตของภาคบริการจีนได้ชะลอความแรงลง โดยกิจกรรมทางธุรกิจขยายตัวเพียง
เล็กน้อย