นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.45 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจากปิดตลาดเย็น
วานนี้ที่ระดับ 35.42/44 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา
"เช้านี้บาทอ่อนค่าตามภูมิภาครอปัจจัยใหม่เข้ามา วันนี้ตลาดรอดูการประกาศตัวเลขการค้าของจีน" นักบริหารเงิน
กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 35.35-35.55 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.4450 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(7 มี.ค.) อยู่ที่ 1.52278% และ THAI BAHT FIX 6M (7 มี.ค.) อยู่ที่ 1.64406%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.87 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ระดับ 113.50/53 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1024 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0954/0956 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 35.4490 บาท/
ดอลลาร์
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางมาเลเซีย จะเป็นประธานในพิธีลงนามจัดตั้งตัวแทนสถาบันการ
เงินของไทย คือ ธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับสถาบันการเงินมาเลเซีย คือ เมย์แบงก์และซีไอเอ็มบี ในวันที่ 14
มี.ค.นี้ เพื่อให้บริการชาระธุรกรรมการค้าการลงทุนระหว่างกันเป็นเงินสกุลท้องถิ่น บาท-ริงกิต โดยตรง
- นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในปี 59 นี้ ธปท.จะพัฒนาระบบการ
ชำระเงินของประเทศ คือ การป้องกันภัยคุกคามทางโลกไซเบอร์ที่อาจจะสร้างปัญหาของระบบไอทีของสถาบันการเงิน ซึ่งจำเป็นต้อง
ทำความเข้าใจและเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในช่วงหลังมานี้ภัยคุกคามด้านไซเบอร์ทั้งของไทยและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง หากไม่มีการเฝ้าระวังและหามาตรการป้องกันไว้ล่วงหน้าอาจจะสร้างความเสียหายให้กับระบบการชำระเงินไทย และ
กระทบต่อความมั่นใจของผู้ใช้บริการและภาคเศรษฐกิจจริงได้
- ธปท. ได้รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน ก.พ.2559 สำรวจจากผู้ประกอบการในภาค
เศรษฐกิจจริง จากธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ 643 ราย พบว่าปรับลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า ตามความกังวลต่อความสามารถ
ในการใช้จ่ายและกำลังซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ชะลอลงต่อเนื่อง ประกอบกับภาวะภัยแล้งส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับสูงขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ในเดือน ก.พ.2559 ปรับลดลงเล็กน้อยที่ระดับ 48.5 ในเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 48.2 จาก
ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมเป็นสำคัญที่มีความเชื่อมั่นลดลง โดยเฉพาะผู้ประกอบการในกลุ่มยานยนต์และกลุ่ม
เคมี ปิโตรเลียมและพลาสติก ตามองค์ประกอบด้านการผลิตและคำสั่งซื้อที่ชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งจากคำสั่งซื้อต่างประเทศที่ปรับชะลอลง
ตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน ด้านผู้ประกอบการในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนวัตถุ
ดิบทางการเกษตร อันเนื่องจากปัญหาภัยแล้ง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มขึ้น
- ธปท.เผยภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นในปัจจุบันลดลงเกิดจากผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมเป็นสำคัญ ห่วงการชะลอ
อุปสงค์ใน-ต่างประเทศและภัยแล้งกระทบต้นทุนวัตถุดิบแพงขึ้น เริ่มกังวลภาระดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ดัชนี ฯ อีก 3 เดือนข้าง
หน้าดีขึ้นเป็นเดือนที่ 2 แสดงภาคธุรกิจเชื่อมั่นแนวโน้มการฟื้นตัวในประเทศ
- นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ
บริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ที่ 20.29 บาท/กิโลกรัม (กก.) เพราะต้นทุนเฉลี่ย
ของแอลพีจีเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ลดลง 0.048 สตางค์/กก. ผลจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น จึงนำส่วนต่างราคาที่ลดลงไปลดการชด
เชยให้กองทุนน้ำมันบัญชีก๊าซแอลพีจี จาก 0.4116 บาท/กก. เหลือ 0.3636 บาท/กก. ส่งผลยอดชดเชยกองทุนแอลพีจีเหลือ 130
ล้านบาท/เดือน จากก่อนหน้า 146 ล้านบาท/เดือน แต่สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรวมเป็นบวกที่ 43,944 ล้านบาท
- น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการหารือระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก
รัฐมนตรี กับซีอีโอของอุตสาหกรรมยานยนต์ว่า ซีอีโอค่ายรถยนต์ทั้ง 4 ค่าย ได้แก่ โตโยต้า อีซูซุ นิสสัน และฮอนด้า ได้ยืนยันที่จะลง
ทุนในไทยต่อเนื่อง ไม่ไปลงทุนที่อื่น และมีแผนขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะรถยนต์แห่งอนาคต ทั้งรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้า
และรถพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งนายกฯยืนยันว่ารัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนที่ชัดเจน เพราะไทยต้องการให้มีลงทุนรถยนต์แห่งอนาคต และ
ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์แห่งอนาคต
- นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายการประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาความพร้อมของไทยต่อความตกลง
หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก(ทีพีพี) ว่า ที่ประชุมได้รับฟังข้อมูลเบื้องต้นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่ง
ประเทศไทย(ธปท.) ภาคเอกชน กระทรวงสาธารณสุข เห็นตรงกันว่าควรหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะจากภาคประชาสังคม เพื่อให้
ได้ข้อมูลเชิงลึก เพราะที่ประชุมศึกษาสาระสำคัญของทีพีพีแล้วพบว่าจะกระทบไทยด้านการค้าและการลงทุน แต่ภาคเอกชนเห็นว่ากฎ
ระเบียบทางการค้าหลายอย่างของไทยเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศจึงให้เอกชนและภาคประชา
สังคมประเมินว่า ต้องการให้ปรับปรุงอะไรบ้าง โดยต้องหาข้อมูลมาเสนอข้อมูลที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ
(พกค.) วันที่ 4 เม.ย.นี้ ส่วนข้อกังวล เช่น สิทธิบัตรยา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปข้อมูลเชิงลึกอีกครั้ง โดยเฉพาะจากกลุ่ม
ประชาสังคม
- นายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในครึ่งปีหลัง
ต้องเผชิญกับปัจจัยลบ โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวที่ส่วนใหญ่จะมาจากประเทศเพื่อนบ้านคือ เมียนมา และกัมพูชา
ซึ่งคาดว่าแรงงานจาก 2 ประเทศหลักนี้จะไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ เนื่องจากรัฐบาลกำลังเร่งก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภค
ขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าหลายเส้นทางและโครงการมอเตอร์เวย์ เป็นต้น
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 4%
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้การปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็น
สินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity
Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลบ 6.7 ดอลลาร์ หรือ 0.53% แตะที่ระดับ 1,264.00 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า จีนจะเดิน
หน้าใช้มาตรการกระตุ้นอุปสงค์และเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่
ว่า การขุดเจาะน้ำมันและการผลิตน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลดลง โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดพุ่งขึ้น 1.98 ดอลลาร์
หรือ 5.5% แตะที่ 37.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดพุ่งขึ้น
2.12 ดอลลาร์ หรือ 5.5% แตะที่ 40.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากราคา
น้ำมันที่ดีดตัวขึ้น ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งรวมถึงสกุลเงินยูโร โดยค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อ
เทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1012 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0995 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุล
เงินเยนที่ 113.28 เยน จาก 114.03 เยน