ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตน้ำดื่มยังได้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำอีก 20-30% จากช่วงปกติ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคทั่วประเทศด้วย ขณะที่ราคาขายยืนยันว่าจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นแน่นอน โดยขวดบรรจุ 500 มิลลิลิตร ราคา 7 บาท และขวดบรรจุ 1,500 มิลลิลิตร ราคา 14 บาท
นอกจากนี้ ผู้ผลิตน้ำดื่มรายใหญ่ 8 ราย ซึ่งมีสัดส่วนการผลิตน้ำดื่ม 80% ของปริมาณตลาดน้ำดื่มในไทยยืนยันว่ามีแหล่งผลิตน้ำดื่มเพียงพอไปตลอด ทั้งจากแหล่งน้ำบาดาล ซึ่งมีความลึกลงไปในดิน 300-400 เมตร ซึ่งลึกกว่าบ่อบาดาลทั่วไปที่มีความลึกประมาณ 100 เมตร และสามารถนำมาผลิตน้ำดื่มได้อีก 30-40 ปี รวมถึงยังมีน้ำประปาและน้ำจากธรรมชาติอีก จึงขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ว่าน้ำดื่มในประเทศไทยไม่ขาดแคลนแน่นอน และไม่อยากให้ร้านค้าหรือผู้บริโภคกักตุน เพราะอาจทำให้ตลาดเกิดความปั่นป่วนได้
"ตอนนี้ เจ้าหน้าที่ของกรมฯ และผู้ประกอบการร่วมกันตรวจสอบปริมาณตามร้านค้าทั่วไป และห้างต่างๆ ว่าปริมาณน้ำดื่มมีเพียงพอหรือไม่ เบื้องต้นทุกแห่งมีปริมาณน้ำจำนวนมาก ที่สำคัญผู้ผลิตน้ำดื่มมีรถขนส่งรวมกันทั่วประเทศ 2,000-3,000 คัน หากจังหวัดใด โดยเฉพาะจังหวัดที่ได้ถูกประกาศเป็นเขตภัยแล้งขาดน้ำดื่มหรือเกิดภาวะฉุกเฉิน ผู้ประกอบการก็สามารถกระจายสินค้าได้ทันที" อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุ
พร้อมกันนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา กรมการค้าภายในได้นำสินค้าน้ำดื่มบรรจุภาชนะผนึกเข้าไปอยู่ในรายการสินค้าจับตาเป็นพิเศษ เพื่อจะได้ติดตามดูแลสถานการณ์ขายและราคาได้เป็นประจำทุกวัน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที หากพบเหตุผิดปกติ จากเดิมที่สินค้าน้ำดื่มอยู่ในบัญชีติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด