(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.07/09 แนวโน้มแข็งค่าต่อ จับตาการประชุมเฟดสัปดาห์นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 14, 2016 11:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.07/09 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเย็นวันศุกร์ที่
ปิดตลาดที่ระดับ 35.15 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากเย็นวันศุกร์ โดยมีปัจจัยกดดันสำคัญจากที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะ ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมที่จะมีขึ้นกลางสัปดาห์นี้ (15-16 มี.ค.) ประกอบกับช่วง 2 สัปดาห์นี้มี flow ไหล เข้าในตลาดหุ้นจึงทำให้เงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าต่อ

"ตลอดช่วง 2 สัปดาห์นี้มี flow ไหลเข้า จึงทำให้บาทค่อนข้างแข็งค่า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกดดันจากที่ตลาดเชื่อว่าเฟด จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.00-35.15 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.0700 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M(11 มี.ค.) อยู่ที่ 1.51818% และ THAI BAHT FIX 6M (11 มี.ค.) อยู่ที่ 1.62151%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เปิดตลาดเช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.84/97 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 113.84 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1150/1164 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1105 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.1430 บาท/
ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ 35.00-35.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดย
อาจต้องจับตาสัญญาณนโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 15-16 มีนาคม และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) วันที่
14-15 มีนาคม ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะประกาศออกมาเพิ่มระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ดัชนีการผลิตของเฟด
สาขานิวยอร์ก ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนมีนาคมยอดค้าปลีก
ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต การผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนกุมภาพันธ์และ
ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิเดือนมกราคม
  • แบงก์ประเมินผล ECB จัดเต็มมาตรการผ่อนคลาย ทำเงินทุนไหลสู่ภูมิภาคนี้อีกระลอก และหนุนเงินบาทให้แข็งค่า
ขึ้น จับตาหากแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจกดดันให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย
  • ธุรกิจบัตรเครดิตฟื้น พบตัวเลขเดือน ม.ค.บัตรเครดิตพุ่งทุกตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่หดตัวเมื่อเทียบกับ
เดือนก่อนหน้าจากผลกระตุ้น มาตรการรัฐใช้ได้ดี ล่าสุดปริมาณการใช้จ่ายรวมผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 1.12 หมื่นล้านบาท แต่หดตัว
3.56 หมื่นล้านบาทเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ตัวเลขทุกตัวร่วงมากในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล
  • รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้ 3 กรม
ภาษี จัดทำยุทธศาสตร์แผนการดำเนินงานของแต่ละกรมระยะเวลา 5 ปี เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี รวมทั้ง
พัฒนาการบริการและการจัดเก็บรายได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เร่งปฏิรูปหน่วยงานและปรับปรุงด้านการอำนวยความสะดวกให้กับผู้
ประกอบการและประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ
  • นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยหลังเดินทางเยือนญี่ปุ่น สหรัฐฯ รัสเซีย และเบลารุส เมื่อเร็วๆ
นี้ว่า เพื่อชี้แจงนโยบายส่งเสริมการลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ รวมทั้งมาตรการสนับสนุนต่างๆ เพื่อเร่งรัด
การตัดสินใจให้เข้ามาลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย นอกจากสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับนักลงทุนเป้าหมายแล้ว ยังถือ
โอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะได้จับคู่ทำธุรกิจร่วมกัน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลง
ทุน (บีโอไอ) และเอกชนเพื่อเข้าถึงและสร้างความเชื่อมั่นเพื่อดึงดูดนักลงทุน มั่นใจว่าจะมีบริษัทยื่นขอการส่งเสริมการลงทุนตามนโย
บายคลัสเตอร์ ตั้งแต่ มี.ค.เป็นต้นไป
  • ดอลลาร์แข็งค่าเทียบยูโรเมื่อวันศุกร์ (11 มี.ค.) หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่าอาจมีการ
ใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในอนาคต
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ หลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าบรรดาผู้ผลิตน้ำมันกำลังปรับ
ลดกำลังการผลิตลง โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ดีดขึ้น 66 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ระดับ 38.5 ดอลลาร์/
บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 40.39
ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า แม้การค้าระหว่างประเทศจะค่อนข้างซบเซา แต่จีนก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการ
พิเศษใดๆ เพื่อกระตุ้นการส่งออก โดยมองว่าในปัจจุบันสินค้าจีนยังคงแข่งขันได้ในตลาดโลก ส่วนกรณีที่มีกระแสเงินทุนไหลออกใน
ระยะหลังนี้ เป็นไปตามคาดการณ์และไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด พร้อมเชื่อว่ากระแสเงินทุนกำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว
  • รมว.พาณิชย์ของจีน กล่าวว่าจีนจะอนุญาตให้นักลงทุนต่างประเทศสามารถเข้าถึงภาคบริการและการผลิตสินค้า
ฟุ่มเฟือยมากขึ้น โดยจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างประเทศสามารถนำเงินมาลงทุนได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันจีนก็จะผ่อนคลายกฎ
ระเบียบการผลิตสินค้าหรูหรามากขึ้นด้วย ซึ่งจีนหวังว่านักลงทุนต่างประเทศจะช่วยให้บริษัทของรัฐบาลจีนยกระดับตัวเองและมีนวัต
กรรมมากขึ้น

ทั้งนี้ จีนสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้ 1.26 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2558 เพิ่มขึ้น 5.6% จากปีก่อน หน้า โดยภาคการผลิตสินค้าฟุ่มเฟือยและภาคบริการมีสัดส่วน 70% ของเม็ดเงินลงทุนทั้งหมด

  • ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) เปิดเผยว่า จีนจะไม่นำกลไก "เซอร์กิต
เบรกเกอร์" กลับมาใช้ในตลาดหุ้นอีกหลายปี โดยล่าสุดจีนได้ระงับการใช้ไปเมื่อเดือน ม.ค.เพราะกลไกดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตก
กังวลมากกว่าเดิม
  • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ เช่น การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการ

เงิน (FOMC) ในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าที่ประชุม FOMC ยังคงดอกเบี้ยในรอบนี้, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน

ก.พ., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลข

การเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ. เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ