นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.24 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 35.31/33 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค หลังมีการย่อยข่าวนางเจนเน็ต เยนเลน ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า ยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
"หลังเปิดบาททิศทางยังทรงตัว แต่ระหว่างวันปรับแข็งค่าลงมาเกือบ 15 สตางค์ คาดว่ามีการย่อยข่าวประธานเฟด ส่งสัญญาณเรื่องดอกเบี้ย" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 35.20-35.35 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้บาทปรับตัวแข็งค่าลงมามาก พรุ่งนี้ยังไม่น่าจะผ่านแนวรับ 35.20(บาท/ดอลลาร์)" นักบริหารเงิน กล่าวล่าสุด THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 35.2100 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.22 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 112.61 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1360 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1286 ดอลลาร์/ยูโร
- นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า (5 เม.ย.)
"ครม.สัปดาห์หน้า คลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งเด็ดกว่าการแจกเงิน แต่ไม่ใช่การแจกเงิน และ ไม่ใช่การกระตุ้นเพียงเล็กน้อย"ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุ
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เผบบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Japan Credit Rating Agency,
- นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เผย
พร้อมระบุว่า ในเดือนเม.ย.นี้ สศค.จะปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยใหม่จาก ปัจจุบันที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.2-4.2% แต่ยังยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้มากกว่า 3% อย่างแน่นอน
- นางลัษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เปิดเผยว่า ADB ประเมิน
สำหรับอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ ADB คาดว่าจะอยู่ในระดับเฉลี่ยที่ 0.6% ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 2% ในปี 60 หลังจากที่อุปสงค์ ภายในประเทศเข้มแข็งขึ้นและราคาน้ำมันสูงขึ้น ขณะที่นโยบายการเงินคาดว่าจะยังมีลักษณะผ่อนคลายต่อไปเนื่องจากแรงกดดันเงิน เฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ
- นายเว่ย ชางจิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดภาวะเศรษฐกิจประเทศกำลัง
- ธนาคารกลางอังกฤษ ประกาศปรับเพิ่มเงินทุนกันชน (capital buffer) ซึ่งกำหนดให้สถาบันการเงินต้องมีทุน
สำรองระหว่าง 0-0.5% การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์ และสะท้อนให้เห็นว่าคณะกรรมการ
นโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (FPC) ได้ใช้มาตรการทางเศรษฐกิจมหภาคอย่างรอบคอบรัดกุม