นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.21 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเปิดตลาดเช้านี้ที่ ระดับ 35.24/26 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินเคลื่อนไหวตามภูมิภาคในกรอบระหว่าง 35.20-35.26 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจาก ดอลลาร์ยังมีทิศทางอ่อนค่าจากการส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
"บาทปรับตัวแข็งค่าตามภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์มีทิศทางอ่อนค่าจากการส่งสัญญาณเรื่องดอกเบี้ยของเฟด" นักบริหาร
เงิน กล่าว
ปัจจัยที่นักลงทุนรอดู คือ การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน มี.ค.ในคืนวันศุกร์
นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.15-35.25 บาท/ดอลลาร์
"พรุ่งนี้บาทน่าจะแกว่งตัวในกรอบรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรฯ คืนวันศุกร์" นักบริหารเงิน กล่าว
ล่าสุด THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 35.2242 บาท/ดอลลาร์
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.30 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 112.36/38 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1349 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1320/1322 ดอลลาร์/ยูโร
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.พ.59 ทรงตัวจากเดือนก่อน โดยภาคการท่อง
เที่ยวเติบโตต่อเนื่อง และการใช้จ่ายภาครัฐยังคงขยายตัวดี แม้รายจ่ายลงทุนแผ่วลงบ้างเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่มีการเร่งเบิกจ่ายสูง
ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนในภาพรวมทรงตัว ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าที่หักหมวดทองคำหดตัวจากภาวะเศรษฐกิจคู่ค้าหลักทั้งจีนและ
อาเซียนที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ประกอบกับราคาสินค้าส่งออกยังหดตัวตามราคาน้ำมัน ส่งผลให้การผลิตและการลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ใน
ระดับต่ำ
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ในเดือน ก.พ.59 ดัชนีฯ ปรับลดลงเล็กน้อย
จากเดือนก่อนที่ระดับ 48.5 มาอยู่ที่ระดับ 48.2 ตามความกังวลต่ออุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่ชะลอลง ประกอบกับภาวะภัยแล้ง
ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับสูงขึ้น
- นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการ
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงรายงานนโยบายการเงินฉบับเดือนมีนาคม 2559 ว่า กนง.ปรับลดคาดการณ์อัตราการ
ขยายตัวทางเศรษฐกิจตลอดช่วงประมาณการ ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวราว 3.1% ซึ่งลดลงจากประมาณการในครั้งก่อนที่
ระดับ 3.3% นอกจากนี้ กนง.ปรับลดประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปี 59 ลงจากประมาณการครั้งก่อน แต่
ยังปรับเข้าใกล้เป้าหมายในปี 60 ตามแนวโน้มราคาน้ำมันที่ทยอยเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ขยายตัวดีขึ้น โดยประเมินให้
ความเสี่ยงต่อประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั้งสองยังโน้มไปด้านต่ำตามแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่อาจน้อยกว่าคาดตามเศรษฐกิจที่อาจขยาย
ตัวต่ำกว่ากรณีฐาน
- ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินเพิ่มขึ้นเพื่อผ่อนคลายภาวะตึงเครียดด้านสภาพคล่องในวันนี้จำนวน
1 แสนล้านหยวน (1.54 หมื่นล้านดอลลาร์) ผ่านทางข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) อายุ 7 วัน ซึ่งเป็น
กระบวนการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต ทั้งนี้การอัดฉีดเงินผ่านทางสัญญา
reverse repo ในวันนี้ มีการกำหนดผลตอบแทนไว้ที่ 2.25% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการอัดฉีดเงินเมื่อวันพุธที่ผ่านมาที่ 6 หมื่นล้าน
หยวน โดยความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่อัตราดอกเบี้ย MMR ปรับตัวสูงขึ้นตลอดช่วง 1 สัปดาห์ เนื่องจากสัญญาที่ครบกำหนด
ยังคงดึงสภาพคล่องออกจากตลาด ขณะที่บรรดาธนาคารพาณิชย์ยังคงกักตุนเงินสดไว้เพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์การสำรองเงินช่วงสิ้น
ไตรมาส
- นายฮารุฮิโกะ คูโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวในระหว่าการแถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในวันนี้ว่า
นโยบายผ่อนคลายการเงินขนานใหญ่ของ BOJ นั้น ไม่มีการจำกัดในเชิงปริมาณ พร้อมกับปฏิเสธมุมมองที่ว่า BOJ ไม่มีกลยุทธ์ที่แข็ง
แกร่ง
สำหรับนโยบายการเงินในปัจจุบันของ BOJ ประกอบไปด้วย การกำหนดอัตราดอกเบี้ยติดลบที่ระดับ -0.1% สำหรับ สถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ในประเทศที่นำเงินไปฝากไว้กับ BOJ และยังคงเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินด้วยการซื้อ สินทรัพย์จากตลาดต่างๆ ในวงเงินต่อปีที่ 80 ล้านล้านเยน
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--